Categories
Uncategorized

10 แอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Android 2024

10 แอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Android 2024

ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสไม่ได้มีไว้สำหรับคอมพิวเตอร์เท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสมบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android เพื่อช่วยป้องกันแอปและมัลแวร์ที่เสียหายหรือเป็นอันตราย ระบบปฏิบัติการ Android ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและติดตั้งบนอุปกรณ์หลายล้านเครื่องทั่วโลก ทำให้เป็นเป้าหมายหลักสำหรับแฮ็กเกอร์ที่เป็นอันตราย

ไม่ต้องบอกว่านั่นหมายความว่ามีไวรัส Android นับไม่ถ้วนที่สามารถส่งผลกระทบต่อโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ และอาจทำให้อุปกรณ์เสียหายหรือถูกขโมยข้อมูลประจำตัวและข้อมูลทางการเงิน

ด้วยการติดตั้งแอปป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพสำหรับ Android คุณสามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากการโจมตีประเภทเหล่านี้ได้ สิ่งที่ดีที่สุดในตลาดให้การปกป้องอย่างทั่วถึงในขณะที่ใช้ทรัพยากรขั้นต่ำบนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์จะทำงานได้อย่างราบรื่น

นี่คือแอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด 10 อันดับสำหรับ Android:

1. โปรแกรมป้องกันไวรัส Surfshark

คุณต้องการโปรแกรมป้องกันไวรัสหรือไม่
โซลูชันที่โดดเด่นของเราคือ Surfshark Antivirus ซึ่งนำเสนอชุดรวมที่ยอดเยี่ยมในราคาที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งติดตั้งและกำหนดค่าได้ง่าย
โปรแกรมป้องกันไวรัสป้องกันไวรัสที่รู้จักและภัยคุกคามซีโร่เดย์ทั้งหมด ชุดรวมนี้ยังมี VPN เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ คุณสมบัติบางอย่างรวมถึง

ตรวจจับและกำจัดมัลแวร์และภัยคุกคามขั้นสูงอื่นๆ
หยุดมัลแวร์แบบเรียลไทม์ก่อนที่มันจะทำอันตรายต่ออุปกรณ์ของคุณ
ซ่อนที่อยู่ IP (Internet Protocol) และตำแหน่งทางกายภาพ (VPN) ของคุณ
แจ้งเตือนหากอีเมล รหัสผ่าน ID หรือข้อมูลธนาคารของคุณปรากฏในการละเมิด
ช่วยให้คุณสามารถค้นหาเว็บโดยไม่มีโฆษณาหรือการติดตาม
ระบบ Surfshark Cloud Protect วิเคราะห์ไฟล์ที่ไม่รู้จักเพื่อป้องกันการโจมตีซีโร่เดย์

2. Bitdefender ความปลอดภัยบนมือถือ

Bitdefender: ชุดความปลอดภัยทางไซเบอร์ยุคหน้า
อันดับต้น ๆ ของรายการของเราคือแอพความปลอดภัย Android ของ Bitfender ซึ่งมีการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ผลกระทบด้านประสิทธิภาพเล็กน้อย การรวมนาฬิกา Android Wear ตัวบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย และอื่น ๆ

หนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของแอพป้องกันไวรัสของ Bitdefender คือมีเครื่องมือปกป้องความเป็นส่วนตัวที่มีประสิทธิภาพ เช่น การล็อคแอพ สแกนเนอร์ Wi-Fi และคุณสมบัติป้องกันการโจรกรรม บริษัทเพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ Scam Alert ซึ่งตั้งค่าสถานะลิงก์ที่อาจเป็นอันตรายในข้อความ SMS การแจ้งเตือนบนหน้าจอ และแอพส่งข้อความ

แอพมือถือป้องกันไวรัส Android ของ Bitdefender ได้รับคะแนนเต็มในการทดสอบ AV-Test ล่าสุด AV-Comparatives ซึ่งเป็นแล็บทดสอบแอนตี้ไวรัสอิสระรายใหญ่รายอื่น สังเกตอัตราการป้องกันที่ 99.9%

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Bitdefender Mobile Security:

การป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม
ผลกระทบด้านประสิทธิภาพเล็กน้อย
การรวมนาฬิกา Android Wear
เครื่องมือป้องกันความเป็นส่วนตัว
คุณสมบัติการแจ้งเตือนการหลอกลวง

3. Webroot ความปลอดภัยบนมือถือ

แอปป้องกันไวรัสยอดนิยมอีกแอปหนึ่งสำหรับ Android คือ Mobile Security ของ Webroot ซึ่งมีโปรแกรมป้องกันไวรัสขั้นสูงสำหรับ Android และการป้องกันความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต แอปดำเนินการสแกนและอัปเดตอย่างราบรื่นโดยไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงหรือทำให้แบตเตอรี่หมด และบล็อกภัยคุกคามจากมัลแวร์มือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนที่มันจะแพร่ระบาดในโทรศัพท์ของคุณ

แอพ Android ของ Webroot ยังป้องกันการโจมตีแบบฟิชชิงหรือวิศวกรรมสังคมซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยการป้องกันที่ครอบคลุมของ Webroot สำหรับการท่องเว็บ คุณจะได้รับการปกป้องจากการละเมิดข้อมูลประจำตัวและข้อมูลส่วนตัวของคุณ ด้วยการใช้การกรอง URL ที่เป็นกรรมสิทธิ์ Webroot จัดหมวดหมู่และกรองภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่นำเสนอโดย Webroot คือความสามารถในการเข้าถึงและล็อกอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกขโมยได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถล็อก หน้าจอ หรือล้างข้อมูลสมาร์ทโฟน Android ของคุณได้ทันทีที่มีการบุกรุก รวมทั้งระบุตำแหน่งของมันด้วย

 

โปรแกรมป้องกันไวรัส Android ขั้นสูง
การสแกนที่ไร้รอยต่อที่ง่ายดายบนโทรศัพท์
การท่องเว็บที่ปลอดภัย
ค้นหาอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกขโมย
ตรวจสอบแอปพลิเคชันและการอัปเดตทั้งหมดโดยอัตโนมัติ

4. แพนด้ารักษาความปลอดภัย

Panda Dome Premium คืออะไรและใช้อย่างไร? – การรักษาความปลอดภัยแพนด้า
Panda Security นำเสนอการป้องกันไวรัส Android ที่มีประสิทธิภาพด้วยการสแกนแอปที่ติดตั้งและการอัปเดตแอปตามเวลาจริงก่อนที่จะใช้งานครั้งแรก เช่นเดียวกับแอปป้องกันไวรัส Android ชั้นนำอื่น ๆ Panda มีผลกระทบต่ำต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของแอพนี้คือสามารถสแกนการ์ดหน่วยความจำ SD ได้ด้วย
แอป Android ของ Panda ตรวจสอบและแสดงสิทธิ์การเข้าถึงของอุปกรณ์ของคุณ เช่น การเข้าถึงผู้ติดต่อ บัญชี รูปภาพ สถานที่ และอื่นๆ ซึ่งช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าต้องการเก็บหรือลบแอปใด
แอพนี้ยังปรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้เหมาะสมด้วยการตรวจสอบการใช้หน่วยความจำของแอพที่ติดตั้ง โดยจะหยุดการประมวลผลของแอปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุด
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Panda
การสแกนแอพและอัปเดตที่ติดตั้งตามเวลาจริง
ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง
ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด
ผลกระทบต่ออุปกรณ์ต่ำ
ติดตามคุณและอุปกรณ์ของคุณในแบบเรียลไทม์

5. Norton 360

ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Norton 360 บนอุปกรณ์ Android
Norton Mobile Security เป็นหนึ่งในชื่อที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม นำเสนอการป้องกันมัลแวร์ที่ดีที่สุดสำหรับ Android ในตลาด ประกอบด้วยคุณลักษณะต่างๆ มากมาย เช่น App Advisor ที่ตรวจสอบแอปเพื่อหาความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวหรือพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

แอปได้รับคะแนนสูงสุดในด้านการป้องกันโปรแกรมป้องกันไวรัส และคุณจะได้พบกับฟีเจอร์อื่นๆ มากมาย เช่น การบล็อกการโทรเพื่อป้องกันการโทรสแปม และการรักษาความปลอดภัย WiFi เพื่อช่วยป้องกันคุณจากการเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายที่ไม่ปลอดภัย
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Panda:
ตัวตรวจสอบแอป
ตัวบล็อกการโทรสแปม
การป้องกันระดับสูง
ความปลอดภัย WiFi

6. Avast Mobile Security

อีกหนึ่งชื่อใหญ่ในอุตสาหกรรม Avast นำเสนอแอปป้องกันไวรัสสำหรับ Android ที่มีคุณภาพซึ่งสามารถใช้งานฟังก์ชันได้มากมาย เครื่องสแกนได้รับคะแนนสูงจากห้องปฏิบัติการทดสอบอิสระ และ Avast Mobile Security นำเสนอคุณสมบัติที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ระบบป้องกันการโจรกรรมที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามและล็อกหรือล้างข้อมูลอุปกรณ์ Android ของคุณจากระยะไกล
ชุดความปลอดภัยยังมีฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ตัวล้างขยะที่เพิ่มพื้นที่ว่างในการจัดเก็บ และ ‘เพิ่มแรม’ ที่เร่งความเร็วอุปกรณ์ของคุณ
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Avast Mobile Security:
การสแกนแอพและอัปเดตที่ติดตั้งตามเวลาจริง
ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง
ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด
ผลกระทบต่ออุปกรณ์ต่ำ
ติดตามคุณและอุปกรณ์ของคุณในแบบเรียลไทม์

7. McAfee Mobile Security

การปกป้องสูงสุดสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ McAfee Mobile Security
McAfee อีกหนึ่งชื่อที่เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมนำเสนอแอพแอนติไวรัสสำหรับ Android ที่ยอดเยี่ยม นอกจากสแกนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพแล้ว แอปเวอร์ชันฟรียังมีคุณสมบัติป้องกันการโจรกรรมและความสามารถในการติดตาม ล็อก และล้างข้อมูลอุปกรณ์ของคุณจากระยะไกล
แอพรักษาความปลอดภัยมือถือของ McAfee ยังให้คุณสแกนแอพและตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอพเหล่านั้นจะไม่รั่วไหลของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โดยจะตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi ที่คุณเชื่อมต่อในขณะที่ยังช่วยให้อุปกรณ์ของคุณทำงานได้ราบรื่นขึ้นด้วยตัวล้างพื้นที่เก็บข้อมูลและตัวเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำและแบตเตอรี่
แอปเวอร์ชันชำระเงินมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีกสองสามอย่าง เช่น การสนับสนุนทางโทรศัพท์ การป้องกันเว็บอย่างปลอดภัย และการป้องกันการท่องเว็บ
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ McAfee Mobile Security:
สแกนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติกันขโมย
ติดตาม ล็อค และล้างข้อมูลอุปกรณ์จากระยะไกล
น้ำยาทำความสะอาดที่จัดเก็บ
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำและแบตเตอรี่

8. Antivirus เฉลี่ย

AVG Antivirus เป็นแอปคุณภาพสูงที่ช่วยรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ Android ของคุณด้วยการป้องกันระดับสูง มันใช้เครื่องมือป้องกันไวรัสแบบเดียวกับ Avast ในขณะที่เสนอคุณสมบัติอื่น ๆ ในการป้องกันไวรัส คุณลักษณะป้องกันการโจรกรรมของแอปช่วยให้คุณสามารถระบุตำแหน่ง ล็อก และล้างข้อมูลโทรศัพท์ที่ถูกขโมยหรือสูญหายได้

โปรแกรมป้องกันไวรัส AVG เวอร์ชันชำระเงินมีฟีเจอร์เพิ่มเติมและขยายความสามารถในการป้องกันการโจรกรรมด้วยความสามารถสำหรับอุปกรณ์ที่จะล็อคตัวเองหากมีการเปลี่ยนซิมการ์ด เครื่องมือ Photo Vault ช่วยให้คุณรักษาความปลอดภัยของรูปภาพ และนำเสนอควบคู่ไปกับการล็อกแอป การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติม และสแกนเนอร์ Wi-Fi

แอปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยการหยุดกระบวนการที่ไม่จำเป็น ปิดการตั้งค่าการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ และลบไฟล์ขยะ

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ AVG Antiviru
เครื่องมือป้องกันไวรัสแบบเดียวกับ Avast
คุณสมบัติกันขโมย
เครื่องมือห้องนิรภัยรูปถ่าย
ล็อคแอพ
เครื่องสแกน Wi-Fi

9. เทรนด์ไมโครโมบายล์ซีเคียวริตี้

ภาพรวมซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส – Trend Micro Mobile Security สำหรับ Android
Trend Micro Mobile Security มีแอปป้องกันไวรัส Android ที่สแกนแอปใหม่เพื่อหามัลแวร์ก่อนที่จะดาวน์โหลด ในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้แอพที่ติดตั้งใหม่เข้าถึงแอพพลิเคชั่นอื่น

ตัวสแกนความเป็นส่วนตัวในตัวของแอพมีความสามารถสำหรับ Facebook ซึ่งใช้เพื่อแจ้งเตือนคุณหากโปรไฟล์ของคุณแสดงข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนซึ่งคุณอาจไม่ต้องการให้ออกไป แอพนี้มีคุณสมบัติอื่น ๆ มากมาย เช่น การป้องกันเว็บ ตัวตรวจสอบ Wi-Fi การควบคุมโดยผู้ปกครอง และความสามารถในการป้องกันการโจรกรรม

Trend Micro Mobile Security ได้ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการอิสระหลายแห่งด้วยสีสันที่สดใส ป้องกันภัยคุกคามได้ 100%

ต่อไปนี้คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Trend Micro Mobile Security

สแกนแอปใหม่เพื่อหามัลแวร์
เครื่องสแกนเฟสบุ๊ค
การป้องกันเว็บ
ตัวตรวจสอบ Wi-Fi
Pay Guard เพื่อความปลอดภัยในการธนาคารและการช้อปปิ้งออนไลน์

10. Sophos Intercept X สำหรับมือถือ

ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของรายการของเราคือ Sophos Intercept X สำหรับมือถือ ซึ่งมีแอพฟรีสำหรับ Android แอปไม่ได้ผ่านการทดสอบจากแล็บอิสระรายใหญ่ แต่ได้คะแนนเต็มสำหรับการป้องกันไวรัสในรายงานของ AV-Test

ซอฟต์แวร์จะสแกนแอปเพื่อหามัลแวร์และเนื้อหาที่เป็นอันตรายขณะที่ติดตั้ง และจะแจ้งให้คุณทราบหากข้อมูลสำคัญรั่วไหล หนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sophos คือ Secure QR Code Scanner ซึ่งจะตรวจสอบ URL เป้าหมายเพื่อหาภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสแกนรหัส QR

แอพนี้ยังมีตัวตรวจสอบสิทธิ์ที่ช่วยในการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยกับแอพที่รองรับ Google Authenticator

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Sophos Intercept X สำหรับมือถือ
สแกนหามัลแวร์เมื่อติดตั้งแอพ
แจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น
เครื่องสแกนรหัส QR ที่ปลอดภัย
Authenticator
มาตรการป้องกันการโจรกรรมมาตรฐาน

Categories
Uncategorized

โทรศัพท์เปียกฝนเราควรทำยังไงดี

โทรศัพท์เปียกฝน น้ำจะเข้าไหม ควรทำยังไงดี

โทรศัพท์เปียกฝน น้ำจะเข้าไหม ควรทำยังไงดี


ถึงแม้ว่าโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันหลาย ๆ รุ่นจะมีคุณสมบัติกันน้ำ แต่ก็มีโทรศัพท์จำนวนหนึ่งที่ยังไม่สามารถกันน้ำได้ หรืออาจจะกันได้เพียงแค่น้ำกระเด็นหกใส่ ถ้าหากทำตกน้ำเลยก็มีโอกาสเสียหาย แต่สำหรับใครที่พลาดทำโทรศัพท์เปียกฝนหรือโทรศัพท์ตกน้ำแล้วก็อย่าเพิ่งตกใจ ให้ตั้งสติแล้วทำตามวิธีที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ ซึ่งอาจจะยังสามารถช่วยชีวิตมือถือให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก แต่จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

โทรศัพท์เปียกฝน ต้องทำยังไงบ้าง

1. เช็กดูว่าเปียกแค่ไหน
โดยปกติแล้วถ้าโทรศัพท์โดนละอองฝนเพียงเล็กน้อย มักไม่น่าเป็นปัญหาอะไร โดยเฉพาะรุ่นที่มีคุณสมบัติกันน้ำกระเด็นใส่ (หรือรุ่นที่กันได้มากกว่านั้น) เพราะโอกาสที่น้ำจะเข้าเครื่องค่อนข้างต่ำ แต่ก็ควรเก็บโทรศัพท์หรือหาทางป้องกันไม่ให้โดนฝนจนเปียกไปมากกว่านี้

2. ซับให้แห้ง
เมื่อรู้ตัวว่าโทรศัพท์เปียกฝนไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ให้ใช้กระดาษหรือผ้าซับน้ำบนตัวเครื่องจนแห้งสนิท เพราะยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งมีโอกาสที่น้ำและความชื้นจะเข้าไปภายในตัวเครื่องได้มากขึ้น

3. เช็ดตามช่องพอร์ตต่าง ๆ
มีความเป็นไปได้ที่น้ำหรือละอองฝนอาจจะเข้าไปอยู่ในช่องพอร์ตต่าง ๆ ของโทรศัพท์ ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานก็อาจไม่เป็นผลดีนัก เพราะน้ำอาจจะเข้าเครื่องได้ โดยแนะนำให้ใช้ก้านสำลีอันเล็ก ๆ เช็ดน้ำที่ติดอยู่ในช่องให้แห้ง

4. ถ้าเปียกเยอะให้รีบปิดเครื่อง
ถ้าโทรศัพท์เปียกฝนหนักมากหรือทำตกน้ำจนคิดว่าเสี่ยงน้ำเข้าสุด ๆ แต่เครื่องยังไม่ดับ ให้รีบปิดเครื่องทันที เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรที่จะทำให้เมนบอร์ดช็อต หรือถ้าเป็นมือถือรุ่นเก่าๆ ที่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ก็ให้ถอดออกด้วยเลย

5. ถอดซิมและ Micro SD ออกให้หมด
เปิดฝาของช่องต่าง ๆ รอบเครื่องออก จากนั้นถอดซิมและ Micro SD ออกให้หมด เช็ดให้แห้งแล้วเก็บไว้ดี ๆ

6. ใส่ลงในถุงสุญญากาศ
ถ้าหากมีถุงสูญญากาศ ให้นำเครื่องใส่ลงไปในถุงแล้วดูดอากาศออกให้หมด น้ำที่อยู่ในเครื่องจะถูกดูดออกมาด้วย

7. รีบส่งศูนย์ซ่อมทันที
นำตัวเครื่องไปส่งศูนย์บริการหรือร้านซ่อมเพื่อทำการตรวจเช็กและไล่ความชื้น ทำให้ภายในตัวเครื่องแห้งสนิท หรือถ้าหากพบอาการเสียใด ๆ ก็ต้องทำการซ่อมต่อไป

วิธีป้องกันโทรศัพท์เปียกฝน


แน่นอนว่าป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก้ หากมีความจำเป็นต้องเดินตากฝนแบบเลี่ยงไม่ได้ ถ้าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ใช้อยู่ไม่สามารถกันน้ำได้ดี ควรมีการป้องกันด้วยการเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าหรือสิ่งที่สามารถปกป้องโทรศัพท์ไม่ให้เปียกฝนได้ อาจใส่ถุงหรือเคสกันน้ำ รวมทั้งไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาใช้งานกลางสายฝนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
ทั้งนี้ นอกจากจะระวังโทรศัพท์เปียกฝนแล้ว ควรระวังฟ้าร้องด้วย เพราะถึงแม้ว่าการเล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้องจะไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงให้โดนฟ้าผ่ามากขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่ดี เพราะการเล่นโทรศัพท์ใกล้บริเวณที่เกิดฟ้าผ่าอาจมีการเหนี่ยวนำไฟฟ้า ทำให้แบตเตอรี่เกิดการลัดวงจรและระเบิดได้ ซึ่งถือว่าอันตรายและไม่ควรทำ แม้จะไม่มากเท่าการโดนฟ้าผ่าก็ตาม ควรหลบเข้ามาใช้ในร่มหรือภายในบ้านและอาคารจะปลอดภัยกว่า แถมยังไม่เปียกฝนอีกด้วย

 

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

มือถือค้าง เราแก้ได้

มือถือค้าง เราแก้ได้ด้วยตนเอง

วิธีแก้มือถือค้าง

การแก้ไขการค้างของมือถือสามารถทำได้หลายวิธีตามสาเหตุของปัญหานั้น ดังนี้

1.การปิดและเปิดอุปกรณ์ใหม่เป็นวิธีที่ง่ายและมักจะช่วยแก้ไขปัญหาที่โทรศัพท์ค้างได้ดังนี้

ปิดโทรศัพท์: กดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าจะปิดเครื่องทั้งหมด หรือจะใช้วิธีอื่นๆ ที่ตรงกับโทรศัพท์ของคุณ

เปิดโทรศัพท์: กดปุ่ม Power อีกครั้งเพื่อเปิดเครื่อง

การปิดและเปิดใหม่ช่วยในการรีเซ็ตหน่วยประมวลผลและความจำของโทรศัพท์ ซึ่งอาจช่วยแก้ไขปัญหาการทำงานที่ช้าหรือค้างได้ เนื่องจากมันช่วยในการล้างข้อมูลที่อาจจะทำให้ระบบไม่เสถียรหรือทำงานได้ไม่สมบูรณ์

2.การปิดแอปพลิเคชันที่ใช้งานมากเกินไปหรือมีปัญหาอาจช่วยแก้ไขปัญหาการค้างของโทรศัพท์ได้ ดังนี้

วิธีปิดแอปพลิเคชัน

2.1 บน Android ใช้ปุ่ม Recent Apps (ปุ่มปุ่มสี่เหลี่ยมที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ) เพื่อเปิดรายการแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่ จากนั้นลากแอปพลิเคชันที่คุณต้องการปิดไปทางด้านขวาหรือซ้าย หรือใช้ปุ่ม “Clear All” หากต้องการปิดทุกแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่.
2.2 บน iOS กดปุ่ม Home สองครั้ง เพื่อเปิด App Switcher จากนั้นลากแอปพลิเคชันที่คุณต้องการปิดไปทางบนจอหรือใช้ปุ่ม “Close All” หากต้องการปิดทุกแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่
เปิดแอปพลิเคชันอีกครั้ง เมื่อทำการปิดแอปพลิเคชันที่เป็นปัญหาแล้ว ลองเปิดแอปพลิเคชันนั้นอีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหายังคงมีหรือไม่
การปิดและเปิดแอปพลิเคชันสามารถช่วยในการล้างแคชและรีเซ็ตการทำงานของแอปพลิเคชันที่อาจทำให้โทรศัพท์ค้างหรือช้าลงได้

3.ตรวจสอบพื้นที่ว่าง

 มือถือที่มีพื้นที่ว่างไม่เพียงพออาจทำให้ค้างได้ ให้ลองลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นหรือย้ายไปยังการจัดเก็บความจำภายนอก

4.การอัพเดทซอฟต์แวร์โทรศัพท์เป็นวิธีที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่เสถียรของระบบการทำงาน ดังนี้

4.1การแก้ไขปัญหาความไม่เสถียร ซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดมักจะมีการปรับปรุงและการแก้ไขปัญหาจากเวอร์ชันก่อนหน้าที่อาจทำให้ระบบทำงานไม่เสถียรหรือมีปัญหาบางประการ การอัพเดทซอฟต์แวร์จะช่วยปรับปรุงความเสถียรของระบบโทรศัพท์ของคุณ

4.2ความปลอดภัย การอัพเดทซอฟต์แวร์ยังช่วยป้องกันตัวโทรศัพท์ของคุณจากปัญหาความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในระบบเก่า

4.3การปรับปรุงฟีเจอร์ บางครั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ยังมีการปรับปรุงและการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่อาจช่วยให้โทรศัพท์ของคุณมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

4.4วิธีการอัพเดท คุณสามารถอัพเดทซอฟต์แวร์ได้ผ่านทางการตั้งค่า (Settings) ของโทรศัพท์ โดยจะมีตัวเลือกให้เลือกอัพเดทซอฟต์แวร์ที่มีในส่วนนี้

สรุป

นี่เป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้นในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง หากมือถือของท่านยังไม่หายค้าง ก็สามารถพาไปหาช่างหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อทำการแก้ปัญหาให้มือถือของท่านสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปกติ

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

จํานํา iCloud คืออะไร อันตรายไหม ใครคิดจะจำนำควรอ่าน !

จํานํา iCloud คืออะไร อันตรายไหม ใครคิดจะจำนำควรอ่าน

          การจํานํา iCloud คืออะไร ต่างกับการจำนำ iPhone ยังไง และมีความเสี่ยงอันตรายไหม เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจจํานํา iCloud

          ใครที่เดินผ่านร้านโทรศัพท์มือถือแล้วเจอป้ายที่บอกว่า “รับจำนำ iCloud” หรือเห็นตามเว็บไซต์ต่าง ๆ อาจจะเกิดคำถามในใจว่าการจํานํา iCloud คืออะไร มันสามารถจำนำได้ด้วยหรือ เนื่องจาก iCloud นั้นเป็นบัญชีที่ใช้สำหรับเก็บรูปภาพ ไฟล์ และข้อมูลต่าง ๆ ของอุปกรณ์ Apple ไม่ได้เป็นวัตถุที่จับต้องได้เหมือนอย่างเครื่อง iPhone แล้วจะนำไปจำนำได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากเพื่อช่วยคลายข้อสงสัยนี้กัน
 

จํานํา iCloud คืออะไร

 
          โดยทั่วไปแล้วการจำนำคือการนำสิ่งของหรือหลักทรัพย์ต่าง ๆ ไปเป็นหลักประกันของเงินที่ต้องการกู้ยืม โดยผู้รับจำนำจะเก็บไว้จนกว่าจะคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยครบ จึงจะได้หลักทรัพย์นั้น ๆ คืนมา อย่างในกรณีการจำนำ iPhone ก็จะต้องนำเครื่องไปเก็บไว้กับผู้รับจำนำด้วย แต่การจำนำ iCloud นั้นมีความต่างออกไป เนื่องจากเจ้าของเครื่องจะยังสามารถเก็บ iPhone ไว้กับตัวเองเพื่อใช้งานต่อได้
 
          การจํานํา iCloud ก็คือการที่เจ้าของเครื่องจะต้องนำบัญชี iCloud ของทางร้านมือถือหรือผู้รับจำนำมาล็อกอินไว้ในเครื่อง iPhone (หรืออุปกรณ์ Apple อื่น) ที่นำไปจำนำ หลังจากนั้นก็จะสามารถนำเครื่องมาใช้งานต่อได้ตามปกติ เมื่อมีการผ่อนจ่ายคืนจนครบจึงจะได้รหัสเพื่อนำบัญชี iCloud ของผู้รับจำนำออกจากเครื่อง แต่ถ้าหากมีการผิดนัดชำระหรือไม่จ่ายเงินคืนตามที่กำหนดไว้ ทางผู้รับจำนำก็จะสั่งล็อกเครื่อง iPhone ผ่าน iCloud เพื่อไม่ให้สามารถใช้งานต่อได้จนกว่าจะนำเงินมาจ่ายคืน ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้รับจำนำ iCloud ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน
 

จํานํา iCloud อันตรายไหม

 
          การจำนำ iCloud นั้นถือว่ามีความเสี่ยงทั้งในด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากการนำบัญชี iCloud มาล็อกอินในเครื่อง iPhone ที่ใช้งานอยู่ จะทำให้ผู้รับจำนำสามารถติดตามดูได้ว่าอยู่ที่ไหน ไปไหนมาบ้าง นอกจากนี้ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะโดนโกง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางออนไลน์) อย่างเช่น ให้ล็อกอิน iCloud ของผู้รับจำนำก่อนแต่ไม่ยอมให้เงิน หรือจ่ายคืนครบแล้วยังมีการล็อกเครื่องเพื่อเรียกค่าไถ่ในการปลดล็อก iPhone อีก เป็นต้น
 

จํานํา iCloud แก้ยังไง

 
          หากมีการนำบัญชี iCloud ของผู้รับจำนำหรือบุคคลอื่น ๆ มาล็อกอินไว้ใน iPhone ของเรา แล้วถูกเจ้าของบัญชี iCloud สั่งล็อกเครื่อง ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และไม่รู้รหัสผ่าน iCloud ก็คงจะต้องบอกว่าสามารถแก้ด้วยตัวเองได้ยากมากหรืออาจไม่สามารถแก้ได้เลย เพราะถึงแม้จะกดลืมรหัสผ่าน แต่เราก็ไม่สามารถเข้าถึงอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกไว้กับบัญชี iCloud นั้น ๆ ได้
 
          รู้ถึงความอันตรายอย่างนี้แล้ว ใครที่คิดกำลังจะนำ iPhone หรืออุปกรณ์ใด ๆ ของ Apple ไปใช้ในการจำนำ iCloud ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาถึงความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจด้วยนะครับ
 
ที่มา : https://mobile.kapook.com/view7653.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

น้ำเข้าโทรศัพท์ วิธีแก้ให้ทำแบบนี้ !

น้ำเข้าโทรศัพท์ วิธีแก้ให้ทำแบบนี้

          น้ำเข้าโทรศัพท์ วิธีแก้ต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้โทรศัพท์มือถือเกิดความเสียหาย น้ำเข้าโทรศัพท์หน้าจอลายซ่อมได้ไหม ที่นี่มีคำตอบ

          หากว่าใครไม่ได้ใช้โทรศัพท์กันน้ำที่มีคุณสมบัติสามารถกันน้ำได้ดี หรืออาจกันได้เพียงแค่น้ำกระเด็นหกใส่ ก็มีโอกาสที่น้ำจะเข้าโทรศัพท์มือถือจนเกิดความเสียหายได้ ซึ่งหากใครทำน้ำเข้าโทรศัพท์แล้ว แต่ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้โทรศัพท์เสียหายและกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม วันนี้เรามีวิธีแก้ต่าง ๆ มาแนะนำกัน
 

น้ำเข้าโทรศัพท์ วิธีแก้ทำยังไงบ้าง

 

1. ปิดเครื่องทันที

 
          ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่โทรศัพท์เครื่องจะดับเมื่อมีน้ำเข้า แต่ถ้าหากรู้ว่าน้ำเข้าแล้วเครื่องยังไม่ดับ แนะนำให้รีบปิดเครื่องทันที เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้แผงวงจรภายในช็อต ส่วนใครที่ใช้โทรศัพท์รุ่นที่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ก็ควรถอดแบตเตอรี่ออกด้วย
 

2. ถอดซิมและ microSD ออก

 
          เปิดฝาช่องใส่ซิมแล้วถอดซิมออกมาจากตัวเครื่อง นำไปเช็ดให้แห้งแล้วเก็บไว้ให้ดี อย่าทำหาย หากเป็นโทรศัพท์ที่สามารถใส่ microSD ได้ก็ให้ถอด microSD ออกด้วย นอกจากนี้ถ้าหากตัวเครื่องมีส่วนอื่นที่สามารถเปิดได้อย่างเช่นฝาปิดพอร์ตต่าง ๆ ก็ให้เปิดทิ้งไว้ด้วย

น้ำเข้าโทรศัพท์
 

3. ใส่โทรศัพท์ในถุงสุญญากาศ

 
          ถ้าหากมีถุงสุญญากาศ ให้นำเครื่องโทรศัพท์ที่น้ำเข้าใส่ลงไปในถุงแล้วดูดอากาศออกให้หมด เพื่อให้น้ำที่ขังอยู่ในเครื่องถูกดูดออกมาด้วย
 

4. นำไปส่งศูนย์ซ่อม

 
          โดยทั่วไปหากน้ำภายในตัวเครื่องแห้งหมดแล้วก็จะสามารถเปิดเครื่องใช้งานได้ตามปกติ แต่เนื่องจากเราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าน้ำแห้งหมดหรือยัง หากเสี่ยงเปิดเครื่องทั้งที่ยังมีความชื้นหรือน้ำขังภายในตัวเครื่องอยู่อาจทำให้เครื่องเสียหายได้ เพราะฉะนั้นจึงควรนำโทรศัพท์ไปส่งศูนย์บริการหรือร้านซ่อมเพื่อทำการตรวจเช็กและทำให้ภายในตัวเครื่องแห้งสนิทเสียก่อน หรือถ้าหากตรวจพบอาการเสียใด ๆ ก็จะได้ดำเนินการซ่อมต่อไป
 

น้ำเข้าโทรศัพท์หน้าจอลาย ทำยังไงดี

 
          ปัญหาโทรศัพท์หน้าจอลายนั้นถือเป็นอีกหนึ่งอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หากมีน้ำเข้าเครื่อง ซึ่งในกรณีที่หน้าจอยังไม่เกิดความเสียหาย การใช้วิธีตามหัวข้อด้านบนเพื่อทำให้ภายในตัวเครื่องโทรศัพท์แห้งก็อาจสามารถแก้ปัญหาโทรศัพท์หน้าจอลายให้หายไปได้ แต่ในกรณีที่หน้าจอเกิดความเสียหายหรือหน้าจอยังคงลายอยู่แม้ว่าน้ำจะแห้งสนิทแล้ว อาจจำเป็นต้องลงเอยด้วยการเปลี่ยนหน้าจอใหม่
 

น้ำเข้าโทรศัพท์ซ่อมกี่บาท

 
          หากน้ำเข้าโทรศัพท์แล้วปิดเครื่องไม่ทันจนเครื่องดับไปเอง หรือเผลอเปิดเครื่องในขณะเครื่องยังเปียกน้ำอยู่ อาจทำให้แผงวงจรข้างในเกิดการช็อต จำเป็นต้องซ่อมได้ด้วยการเปลี่ยนบอร์ดหรือหน้าจอ ซึ่งมีค่าซ่อมที่ค่อนข้างสูง หรืออาจเกือบเท่าราคาซื้อเครื่องใหม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องที่ประกันยังไม่หมดก็จะต้องเสียค่าซ่อมอยู่ดี เนื่องจากอาการเสียที่เกิดจากน้ำเข้าโทรศัพท์นั้นไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน นอกเสียจากว่าบอร์ดยังไม่ช็อต สามารถเปิดเครื่องใช้งานได้อยู่ แต่เจอปัญหาเพียงเล็กน้อย เช่น หน้าจอลาย ช่องหูฟังเปียก ขึ้นรูปหูฟังค้าง สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการทำให้แห้ง เป็นต้น
 
          อย่างไรก็ตาม การหาทางป้องกันไม่ให้น้ำเข้าโทรศัพท์ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าหากว่ามีกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ เที่ยวทะเล หรือเล่นสงกรานต์ ถ้าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ใช้อยู่ไม่มีคุณสมบัติกันน้ำ หรือไม่สามารถกันน้ำได้ดีนัก ก็ควรป้องกันไว้ก่อนด้วยการนำโทรศัพท์ใส่ถุงหรือเคสกันน้ำนะครับ
Cr. https://mobile.kapook.com/view7632.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

วิธีชาร์จแบตเตอรี่มือถือกับ 5 เรื่องจริงที่คุณควรรู้

วิธีชาร์จแบตเตอรี่มือถือกับ 5 เรื่องจริงที่คุณควรรู้

วิธีชาร์จแบตเตอรี่มือถือที่ถูกต้อง กับ 5 เรื่องจริงที่คุณควรรู้ ใช้งานและชาร์จมือถือยังไงไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป มีวิธีป้องกันมือถือแบตฯ เสื่อมก่อนเวลาอันควรได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลย

         ถึงแม้ว่าปัจจุบันแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือจะพัฒนาให้มีความจุที่สูงขึ้น ใช้ได้นานขึ้น รวมทั้งระบบชาร์จเร็วที่ทำให้ไม่ต้องใช้เวลาชาร์จนานเป็นชั่วโมงเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ ผู้ใช้ก็ต้องเจอกับปัญหาแบตเตอรี่หมดไวอยู่ดี แม้จะมีตัวช่วยอย่าง Power Bank ก็ตาม และก็อาจจะยังไม่อยากซื้อมือถือใหม่ ซึ่งหลายคนคงมีข้อสงสัยว่า ตัวเองใช้มือถือและชาร์จแบตเตอรี่อย่างถูกวิธีแล้วหรือยัง เพราะถ้าหากใช้จากความเข้าใจผิด ๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นได้ วันนี้เราจึงจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ที่ถูกต้องกัน

5 เรื่องจริงเกี่ยวกับวิธีชาร์จแบตเตอรี่มือถือ
 

1. ฟีเจอร์ชาร์จเร็วไม่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม

           มือถือส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักรองรับการชาร์จเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในบางรุ่นสามารถชาร์จได้สูงสุดเกิน 100W เลยทีเดียว แต่หลายคนก็อาจกังวลว่าการชาร์จแบบนี้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นหรือไม่ เพราะต้องอัดกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตฯ มือถืออย่างรวดเร็ว ซึ่งความจริงมือถือที่รองรับส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้อยู่แล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่าจะกระทบต่ออายุของแบตเตอรี่เลย

           หลักการชาร์จแบตเตอรี่เร็วจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรกจะอัดแรงดันไฟฟ้าแบบเต็มที่ อย่างที่คำเคลมของหลายแบรนด์กล่าวไว้ว่า ชาร์จได้ 50-70% ภายใน 30-40 นาที แต่หลังจากนั้นระยะเวลาการชาร์จจะเริ่มช้าลงเพื่อช่วยถนอมแบตเตอรี่ ส่วนใครที่จับตัวเครื่องขณะชาร์จแล้วรู้สึกว่าอุ่นหรือร้อนก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะยังอยู่ในการชาร์จช่วงแรกที่ต้องอัดกระแสไฟเข้าอย่างรวดเร็วนั่นเอง

2. แบตเตอรี่ไม่สามารถชาร์จไฟเกิน 100% ได้

           ใครที่ชอบชาร์จแบตฯ มือถือทิ้งไว้ แต่กังวลว่ามันจะชาร์จไฟเกินหลังจากเต็ม 100% แล้วหรือไม่ ขอให้สบายใจได้เลย เพราะเมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จเต็ม 100% ระบบจะตัดการทำงานทันที ดังนั้นจะไม่เกิดปัญหาชาร์จไฟเกินความจุแบตเตอรี่แน่นอน นอกเสียจากว่าแบตเตอรี่ก้อนนั้นจะมีปัญหาเรื่องวงจรภายใน อย่างไรก็ตาม การชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้ 80% แล้วถอดออก จะช่วยถนอมแบตเตอรี่ได้มากกว่าการชาร์จจนเต็ม 100% แล้วเสียบทิ้งไว้ แต่มือถือในปัจจุบันหลายรุ่นก็มีฟีเจอร์ที่สามารถกำหนดเวลาให้ชาร์จเต็มในช่วงเวลาที่ผู้ใช้มักจะถอดสายชาร์จออกพอดีด้วยเช่นกัน

3. อย่าปล่อยแบตเตอรี่ให้หมดเกลี้ยง 0%

           หลายคนอาจจะเคยใช้มือถือจนแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเหลือ 0% หรือปล่อยให้เครื่องดับเองบ่อย ๆ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นและไม่ควรทำ โดยมือถือบางรุ่นจะดับเครื่องทันทีเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อแบตเตอรี่ แต่แนะนำว่าควรชาร์จแบตเตอรี่เมื่อเหลือระดับต่ำกว่า 30% จะดีกว่า

แบตเตอรี่มือถือ

4. แบตเตอรี่เสียหายได้ หากอยู่ในที่อากาศร้อน

           การปล่อยให้แบตเตอรี่มือถืออยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ฉะนั้นจึงไม่ควรใช้หรือเก็บมือถือในที่อากาศร้อนจัด เช่น ในรถยนต์ กลางแดดจ้า ริมหน้าต่างที่แสงแดดส่องถึง แต่ด้วยสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนตลอดทั้งปี ถ้าเป็นไปได้ควรเลี่ยงการใช้งานมือถือกลางแดดหรือท่ามกลางอากาศร้อนนานเกินไป

วิธีชาร์จแบตเตอรี่

5. ใช้ที่ชาร์จยี่ห้ออื่น ไม่เป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่

           แน่นอนว่าการใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่ที่แถมมาในกล่องมือถือตอนซื้อย่อมดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าเปลี่ยนไปใช้หัวชาร์จหรือสายชาร์จยี่ห้ออื่นที่รองรับก็ไม่เกิดผลเสียหรืออันตรายต่อแบตเตอรี่แต่อย่างใด นอกเสียจากว่าจะเป็นที่ชาร์จที่ผลิตมาไม่ได้มาตรฐานหรือมีความเสียหาย เพียงแต่ระยะเวลาการชาร์จอาจจะอยู่ในระดับปกติหรือช้าลงบ้างสำหรับมือถือที่รองรับการชาร์จเร็ว

แล้วจะประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างไรบ้าง ?

           สำหรับวิธียืดระยะเวลาการใช้งานมือถือไม่ให้แบตเตอรี่หมดเร็วนั้นไม่ยากเลย สามารถทำได้หลายอย่าง เช่น ปรับลดแสงหน้าจอ, ปิดการค้นหาสัญญาณ Wi-Fi / Bluetooth / GPS เมื่อไม่ได้ใช้งาน, เปิดโหมดประหยัดพลังงานเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็จะช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้น แถมยังช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นอีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่มือถือมีอายุการใช้งานของมันที่จะต้องเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งส่วนมากแบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมเมื่อใช้งานเกิน 3 ปี โดยสิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือการถนอมแบตเตอรี่ด้วยการชาร์จและใช้งานอย่างถูกวิธี แต่ไม่ถึงกับต้องวิตกกังวลมากเกินไป เพราะเราอาจจะได้เปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ก่อนที่แบตเตอรี่จะเสื่อมก็ได้

Cr. https://mobile.kapook.com/view6818.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

วิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟน

วิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟน

แนะนำวิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟน ที่จะช่วยให้แบตเตอรี่หมดช้าลง สามารถใช้งานไอโฟนได้ยาวนานมากขึ้น

          หนึ่งในปัญหาที่ผู้ใช้ไอโฟนมักจะต้องประสบกันบ่อย ๆ ก็คือ แบตเตอรี่หมดไว โดยเฉพาะผู้ใช้ไอโฟนรุ่นเก่า ๆ ที่แบตเตอรี่ยังไม่อึดเท่ารุ่นใหม่ ๆ ซึ่งนอกจากการพก Power Bank ติดตัวแล้ว การใช้วิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟนที่เรากำลังจะแนะนำดังต่อไปนี้ก็สามารถช่วยยืดเวลาให้สามารถใช้ไอโฟนได้นานขึ้นได้เช่นกัน

วิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟน
 

1. อัปเดต iOS เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

          ในบางกรณีระบบปฏิบัติการ iOS ของไอโฟนนั้นอาจพบบั๊กหรือปัญหาบางอย่างที่ทำให้มีการกินพลังงานแบตเตอรี่มากกว่าปกติ ซึ่งการอัปเดตเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่ได้รับการแก้ไขแล้วก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ นอกจากนี้ก็อาจมีการปรับปรุงระบบให้มีการจัดการพลังงานที่ดีขึ้นและประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้นอีกด้วย

2. ปรับแสงหน้าจอให้เหมาะสม

          การปรับแสงหน้าจอให้สว่างมาก ๆ ก็ส่งผลให้เปลืองพลังงานแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงควรปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม หรืออาจปรับลดให้ต่ำกว่าปกติในการณีที่ต้องการประหยัดแบตเตอรี่ นอกจากนี้แนะนำให้เปิดใช้งานฟีเจอร์ปรับความสว่างอัตโนมัติไว้ด้วย โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าเปิดได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Accessibility (การช่วยการเข้าถึง) > Display & Text Size (จอภาพและขนาดข้อความ) แล้วเลือกเปิด Auto-Brightness (ปรับความสว่างอัตโนมัติ)

3. ใช้อินเทอร์เน็ต Wi-Fi

          การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Wi-Fi นั้นจะใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือแบบ Cellular เพราะฉะนั้นถ้าหากอยู่ในบ้านหรือสถานที่ที่มี Wi-Fi ให้ใช้งานได้ การเลือกใช้ Wi-Fi ก็จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่า

4. เปิดใช้โหมดประหยัดพลังงาน

          โหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode) จะลดปริมาณพลังงานที่ไอโฟนใช้เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ โดยจะจำกัดการทำงานให้เลือกแต่ฟีเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนไอโฟนรุ่นที่มีเทคโนโลยีจอภาพ ProMotion เมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงานจะจำกัดอัตรารีเฟรชจอภาพให้เหลือเพียง 60fps ทั้งนี้ ไอโฟนอาจทำงานบางอย่างช้าลงเมื่ออยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน โดยสามารถเข้าไปเปิดโหมดประหยัดพลังงานได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Battery (แบตเตอรี่)

5. ปรับแต่งการใช้แบตเตอรี่ของแอปฯ ต่าง ๆ

          หากเข้าไปที่หน้า Settings (การตั้งค่า) > Battery (แบตเตอรี่) จะสามารถเช็กดูได้ว่าแต่ละแอปฯ นั้นมีรูปแบบการทำงานที่กินพลังงานแบตเตอรี่อย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้ปรับจำกัดการทำงานของแอปฯ นั้น ๆ โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

          – แอปฯ ที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง ให้เข้าไปปิดที่ Settings (การตั้งค่า) > General (ทั่วไป > Background App Refresh (ดึงข้อมูลแอปฯ จากเบื้องหลัง)
          – แอปฯ เมลที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เข้าไปเลือกปรับการรีเฟรชอีเมลได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Accounts & Passwords (บัญชีและรหัสผ่าน) > Fetch New Data (ดึงข้อมูลใหม่)
          – แอปฯ ที่มีการทำงานเกี่ยวกับการแชร์ตำแหน่ง สามารถเข้าไปปิดได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Privacy (ความเป็นส่วนตัว) > Location Services (บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง)
          – แอปฯ ที่มีการเปิดหน้าจอโฮมหรือหน้าจอล็อกอัตโนมัติเมื่อมีการแสดงแจ้งเตือน สามารถเข้าไปปิดการแจ้งเตือนของแอปฯ ที่ Settings (การตั้งค่า) > Notifications (การแจ้งเตือน)

6. เปิดโหมดเครื่องบิน

          หากอยู่ในบริเวณที่อับสัญญาณหรือสัญญาณไม่ค่อยดี ไอโฟนจะพยายามค้นหาสัญญาณที่ดีกว่า ซึ่งกินพลังงานแบตเตอรี่ โดยสามารถทำให้ไอโฟนหยุดการค้นหาสัญญาณได้ด้วยการเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane mode) แต่ในระหว่างที่เปิดโหมดนี้จะไม่สามารถโทร. ออกหรือรับสายได้

         ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีต่าง ๆ ที่ถ้าหากทำแล้วจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ของไอโฟนได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปปรับใช้กับโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่น ๆ ได้เช่นกัน

เครดิต https://mobile.kapook.com/view7641.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

ลูกติดโทรศัพท์มือถือแก้อย่างไรดี พร้อมวิธีรับมืออย่างสร้างสรรค์

ลูกติดโทรศัพท์มือถือแก้อย่างไรดี

เมื่อลูกก้าวสู่ช่วงอายุ 7 – 12 ปี คุณพ่อคุณแม่จะได้เห็นพัฒนาการที่สำคัญในทุก ๆ ด้าน ทางร่างกาย พวกเขาจะมีการขยายสัดส่วนที่รวดเร็ว ทั้งความสูง น้ำหนักตัว ความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ เด็ก ๆ วัยนี้ควรได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างการออกกำลังและรวมกลุ่มกับเพื่อนวัยเดียวกัน เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะเข้าสังคม ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ง่ายมากขึ้น

แต่ในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีรายล้อมรอบตัว หลายบ้านอาจเผลอปล่อยให้ลูกอยู่กับจอมือถือหรือเครื่องเล่นเกมเป็นเวลานาน ทำให้มีอาการก้าวร้าวจากการติดโทรศัพท์ พ่วงด้วยปัญหาการควบคุมอารมณ์ สมาธิสั้น และสุขภาพที่ไม่แข็งแรงตามมา

ป้องกันเด็กติดโทรศัพท์มือถือ

 

เช็กอาการ ลูกเราติดโทรศัพท์มือถือหรือไม่ ?

 

✓ ใช้เวลากับหน้าจอนานเกินไป ซึ่งโดยปกติไม่ควรเกิน 16 ชม./สัปดาห์

✓ ก้าวร้าว ชอบทำเสียงดังโวยวาย

✓ สมาธิสั้น จดจ่อกับอะไรไม่ได้นาน

✓ แยกตัวจากสังคม ไม่ยอมออกไปเล่นกับเพื่อน

 

พ่อแม่ควรสังเกต “ลูกติดโทรศัพท์มือถือ” กับ 5 ผลเสียระยะยาว

 

การเล่นมือถือหรือเกมออนไลน์เป็นกิจกรรมช่วยผ่อนคลายความเครียดและสร้างความสนุกให้กับเด็ก ๆ แต่หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่ชัด ปล่อยให้ลูกเพลิดเพลินกับแสงสีฟ้าในท่านั่งเดิมไปเรื่อย ๆ ไม่ขยับไปไหน ก็อาจมีผลเสียต่อพัฒนาการที่ไม่สมวัยของพวกเขาได้

ลูกติดโทรศัพท์มือถือสงผลเสียต่อสุขภาพ

 

1. ลูกเริ่มปวดศีรษะ ตา และต้นคอ ที่เกิดจากการเพ่งและนั่งผิดท่า หรือรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อมือจากการกดมือถือท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ

2. ลูกติดโทรศัพท์ มีอาการก้าวร้าว พูดไม่เพราะ มีอารมณ์ที่รุนแรงกว่าเด็กทั่วไป อ่านวิธีแก้ไขลูกก้าวร้าวเพิ่มเติมได้ที่ วิธีแก้ไขพฤติกรรมก้าวร้าว

3. เข้ากับเพื่อนได้ยาก เพราะไม่ได้ลองแลกเปลี่ยน หรือสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น

4. เลิกสนใจกิจกรรมที่เคยชอบทำ เรียนรู้ได้น้อยลง

5. เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนในเด็ก เพราะเคลื่อนไหวน้อยและกินขนมระหว่างที่เล่น

 

ปรับพฤติกรรมลูกอย่างสร้างสรรค์ คุณแม่ช่วยได้

 

การปรับพฤติกรรมลูกที่เริ่มมีการติดโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องห้ามเล่น แต่ใช้วิธีการสร้างวินัยให้กับลูก เช่น ทำการบ้านให้เสร็จก่อน อาบน้ำ ทานข้าวให้เรียบร้อย การจำกัดชั่วโมงในการเล่นหรือชวนลูกออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เล่นกีฬา ออกกำลังกายสำหรับเด็กโดยเฉพาะ รวมไปถึงคุณแม่ก็สามารถเข้าร่วมเล่นมือถือกับลูกได้ เช่น เล่นเกมหรือดูรายการในยูทูปไปด้วยกัน เพราะการเล่นมือถือถ้าใช้ให้ถูกวิธีก็สามารถสร้างประโยชน์ได้ และคุณแม่เองก็จะสามารถช่วยให้คำแนะนำกับสิ่งที่ลูกเล่นหรือดูได้อย่างถูกต้อง มาดู 5 วิธีแก้ไขอย่างสร้างสรรค์เพื่อไม่ให้การเล่นมือถือของลูกเกิดผลเสียตามภาพได้เลยค่ะ

วิธีแก้เด็กติดโทรศัพท์มือถือ

 

1. กำหนดเวลาเล่นให้ชัดเจน โดยไม่ควรเล่นโทรศัพท์เกิน 2 ชั่วโมงต่อครั้ง

2. ฝึกให้ลูกรู้จักอดทนและเลี่ยงสื่อที่รุนแรงในมือถือ

3. ให้ลูกออกไปทำกิจกรรมรวมกลุ่มกับเพื่อนมากขึ้น เช่น เข้าชมรมศิลปะ เรียนพิเศษ เรียนดนตรี

4. พาลูกออกไปทำกิจกรรมครอบครัวด้วยกัน

5. ชวนทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เล่นกีฬา ฝึกทำอาหารและฝึกกินอาหารที่มีประโยชน์

นอกจากนี้ การหากิจกรรมให้ลูกทำที่บ้าน และการมอบความรักและเอาใจใส่จากคุณพ่อคุณแม่เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ช่วยลดนิสัยก้าวร้าวจากการติดโทรศัพท์ลงได้ ซึ่งสิ่งนี้ผู้ปกครองควรค่อย ๆ แก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่หากยังไม่ดีขึ้นก็สามารถขอคำแนะนำจากผู้แพทย์เชี่ยวชาญได้เช่นกัน

Cr. https://www.milo.co.th/all-blog/วิธีรับมือเด็กติดโทรศัพท์มือถือ

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

เช็กเบอร์มงคล 2567 จับคู่ยังไงให้ปังทั้งเงินทองความรัก

เช็กเบอร์มงคล 2567 จับคู่ยังไงให้ปังทั้งเงินทองความรัก

ชวนเช็กเบอร์มงคลสำหรับปี 2567 ต้องลงท้ายเลขอะไร ต้องจับคู่เลขอะไรให้ปัง ทั้งเรื่องเงินทองและเรื่องความรัก ดวงปีนี้จะต้องปัง ถ้าพร้อมแล้วก็มาดูกันเลยว่ามีเบอร์มง

เบอร์มงคลช่วยเสริมดวงความรักให้สมหวังดั่งใจ รับรองว่าไม่มีนก!
เบอร์มงคลช่วยเสริมดวงความรักให้สมหวังดั่งใจ

ไหน ๆ ใครอยากให้ดวงความรักปีนี้สมหวังบ้างงง ต้องรีบมาจดเบอร์มงคลที่จะช่วยเสริมดวงเรื่องความรักให้สมหวังดั่งใจไปใช้ รับรองว่าเปลี่ยนมาใช้เบอร์นี้ไม่มีนกแน่นอน เลขท้ายเบอร์มงคลเลขสวย เปลี่ยนแล้วจะช่วยเสริมดวงความรักได้จริง ใครที่ยังโสดอยากมีแฟน หรือใครที่มีแฟนแล้วอยากให้แฟนขอแต่งงาน ลองเอาเบอร์มงคลเหล่านี้ไปใช้ได้เลย บอกเลยว่าไม่นกแน่นอนจ้าาา

เบอร์มงคล : 24, 36, 47, 48, 66
เบอร์มงคลช่วยเสริมการเงินให้ปังแบบตัวแม่
เบอร์มงคลช่วยเสริมการเงินให้ปังแบบตัวแม่ การเงินรุ่งเรืองขึ้นไปอีก

ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ! ดังนั้นต้องมาดูเบอร์มงคลที่จะช่วยเสริมการเงินให้ปังขึ้น กระเป๋าตุง เงินในบัญชีเกิน 7 หลัก ปี 2567 ปีนี้จะต้องไม่กินแกลบอีกต่อไป ถ้าใครอยากมีดวงเรื่องการเงินเพิ่มมากขึ้น ลองเอาเบอร์มงคลที่เรานำมาฝากไปเปลี่ยนเบอร์ได้ เปลี่ยนเลขท้ายแล้วมีแต่ปัง ดึงดูดทรัพย์สิน เงินทอง และความมั่งมีให้เข้ามาใส่ตัว

เบอร์มงคล : 34, 38, 42, 44, 99
เบอร์มงคลช่วยเสริมการงานราบรื่นไม่มีสะดุด
เบอร์มงคลช่วยเสริมการงานราบรื่นรับรองว่าไม่มีสะดุด

ต่อกันด้วยเบอร์มงคลช่วยเสริมหน้าที่การงานให้ปัง แน่นอนว่าหลาย ๆ พอเข้าสู่วัยทำงาน ก็ต้องอยากให้หน้าที่การงานปัง ๆ เลื่อนขั้นตำแหน่งหรือได้เพิ่มเงินเดือน ใครที่อยากให้การงานดียิ่งขึ้น แน่นอนว่าเราก็ได้เอาเบอร์มงคลเด็ด ๆ มาฝากแล้วค่ะ เปลี่ยนมาใช้เบอร์เลขท้ายเหล่านี้ รับรองว่างานปังขึ้นแบบก้าวกระโดด

เบอร์มงคล : 02, 09, 40, 52, 88
รวมเบอร์มงคลจับคู่ยังไงให้ปังทั้งเงินทองความรัก
รวมเบอร์มงคลจับคู่ยังไงให้ปังทั้งเงินทองความรัก

เบอร์มงคลเสริมดวงทุกด้าน เหมาะสำหรับคนที่อยากเสริมดวงให้ทั้งเรื่องเงินทองและความรัก เพื่อน ๆ ต้องรีบกดบันทึกรูปเอาไว้เลย ปี 2567 ปีนี้ ถ้าใครอยากให้เสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น ลองเปลี่ยนเบอร์ให้ลงท้ายด้วยตัวเลขเหล่านี้ดู อาจจะเปลี่ยนโชคชะตาและชีวิตของเพื่อน ๆ ได้เลยนะคะ

หวังว่าสายมูคงจะถูกใจกับ เช็กเบอร์มงคล 2567 จับคู่ยังไงให้ปังทั้งเงินทองความรัก เบอร์มงคลที่เอามาฝากในวันนี้เหมาะสำหรับการคนที่ต้องการจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์และอยากเสริมดวงทั้งด้านความรัก เงินทอง และหน้าที่การงาน แต่ยังไงเบอร์มงคลก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ใครที่เป็นสายมูก็รีบเปลี่ยนเบอร์ให้ไว ส่วนใครที่ยังไม่เป็นสายมูก็ลองเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ให้เป็นเบอร์มงคลได้ รับรองว่าไม่มีอะไรเสียหาย แถมยังช่วยให้สบายใจขึ้นด้วยยย

อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/articles/lucky-phone-number?ref=ct

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

10 ผลเสียต่อสุขภาพ จากการเล่นสมาร์ทโฟนนานเกินไป

10 ผลเสียต่อสุขภาพ จากการเล่นสมาร์ทโฟนนานเกินไป

1. รบกวนการนอนหลับ

แสงจากจอมือถือหรือแท็บเล็ตที่สว่างๆ ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” ที่ช่วยควบคุมการนอนหลับ เนื่องจากการปล่อยฮอร์โมนดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับแสงสว่างเป็นสำคัญ การเล่นมือถือก่อนนอนจึงส่งผลต่อการนอนหลับไปด้วย

2. เกิดความเครียด
การใช้สมาร์ทโฟนอยู่ตลอดเวลา เท่ากับว่าเราต้องพร้อมที่จะรับโทรศัพท์ ตอบข้อความต่างๆ ที่แจ้งเตือนเข้ามาจากช่องทางต่างๆ ทั้งไลน์ อีเมล และโซเชียลมีเดียตลอดเวลาด้วยเช่นกัน จึงทำให้เกิดความเครียดได้โดยไม่รู้ตัว

3. ทำลายจอประสาทตา
แสงสีฟ้าจากจอสมาร์ทโฟนสามารถทำลายจอประสาทตา (เรติน่า) จนนำไปสู่โรคจอประสาทตาเสื่อมได้  ซึ่งสูตรที่ใช้กันเพื่อดูแลสุขภาพตา คือ 20-20-20  โดยมองจอแค่ 20 นาที จากนั้นพักสายตามองที่อื่น 20 วินาที  โดยมองสิ่งที่อยู่ไกลจากตัวเอง 20 ฟุต เพื่อคลายความล้าจากการใช้สายตา

4. ปวดคอ
ส่วนใหญ่แล้วเวลาที่ก้มมองจอโทรศัพท์เพื่อพิมพ์ข้อความต่างๆ  คนเรามักจะก้มคอราว 60 องศา ซึ่งเป็นท่าที่ไม่เหมาะสม เพราะจะส่งให้เกิดอาการปวดคอได้หากก้มเป็นเวลานานๆ

5. พฤติกรรมก้าวร้าว
คนที่ติดการใช้มือถือและไม่ได้ใช้ในเวลาที่ต้องการ มักจะเกิดอาการหงุดหงิด ก้าวร้าว เพราะไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งพบได้บ่อยในเด็กๆ ที่ติดเล่นเกมในสมาร์ทโฟน

6. เสียสมาธิ
การใช้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้เสียสมาธิได้ เพราะแทนที่จะจดจ่อกับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ลุล่วง ก็ต้องมาพะวงกับเสียงแจ้งเตือนต่างๆ ที่เข้ามาจนขาดสมาธิ

7. Cellphone Elbow
Cellphone Elbow คือ อาการปวดชา หรือเหน็บชาบริเวณปลายแขนและมือ จากการถือสมาร์ทโฟนด้วยท่าทางที่งอแขนเป็นมุมแคบกว่า 90 องศานานเกินไป ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไขก็อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเกิดข้องอติดแข็งที่นิ้วนางกับนิ้วก้อยได้

8. นิ้วล็อก
การใช้นิ้วใดนิ้วหนึ่งพิมพ์ข้อความหรือเล่นเกมในมือถือนานเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการนิ้วล็อกได้ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นที่ใช้ในการงอนิ้วข้อมือตรงบริเวณโคนนิ้ว ทำให้เกิดอาการปวดบวม โดยส่วนใหญ่มักเป็นกับนิ้วหัวแม่มือที่ใช้งานมากกว่านิ้วอื่นๆ

9. ซึมเศร้า และวิตกกังวล
คนที่ใช้มือถือจนติดมักจะมีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลตามมาได้ อันเนื่องมาจากการรอคอยหรือคาดหวังเสียงโทรศัพท์ หรือการตอบกลับข้อความต่างๆ และหากวันไหนลืมมือถือมาด้วยก็จะยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมากขึ้น

10. ปวดศีรษะ 
การใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน จะส่งให้ได้รับรังสีจากคลื่นโทรศัพท์ที่แผ่ออกมามากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งรังสีดังกล่าวส่งผลต่อระบบประสาทด้วยทำให้เกิดอาการข้างเคียงตามมา นั่นคือปวดศีรษะ ปวดไมเกรน หรือบางรายก็อาจจะมีอาการที่รุนแรงกว่านั้น

Cr. http://www.obtphai.go.th/index.php?op=articlecenter_detail&art_id=1417&id=6663