Categories
Uncategorized

วางโทรศัพท์คว่ำหน้าหรือหงาย แบบไหนถือว่าถูกต้อง ?

วางโทรศัพท์คว่ำหน้าหรือหงาย แบบไหนถือว่าถูกต้อง ?

การวางโทรศัพท์ที่ถูกต้อง ควรวางโทรศัพท์คว่ำหน้าหรือหงายมากกว่ากัน หากใครสงสัย ที่นี่มีคำตอบ
    เชื่อว่าคนที่ใช้โทรศัพท์มือถือน่าจะเคยเกิดความสงสัยกันบ้างว่า การวางโทรศัพท์ที่ถูกต้องนั้นควรวางคว่ำหน้าหรือวางหงาย ซึ่งหลายคนก็อาจจะแค่วางแบบที่ตัวเองเคยชิน หรืออาจวางคว่ำบ้างหงายบ้างสลับกันไป แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าจะวางแบบไหนต่างก็มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป หากเพื่อน ๆ คนไหนอยากรู้ก็ลองตามไปอ่านกันเลย
 
วางโทรศัพท์คว่ำหน้า มีข้อดียังไงบ้าง ?

วางโทรศัพท์คว่ำ1. โชว์ความสวยงามของตัวเครื่อง

 
          โทรศัพท์มือถือหลาย ๆ รุ่นมักจะมีการดีไซน์ด้านหลังเครื่องให้มีความสวยงาม หลากหลายสีสัน หรือบางคนก็อาจจะใส่เคสสวย ๆ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายคนเลือกวางโทรศัพท์คว่ำหน้า เพื่อโชว์ความสวยงามของตัวเครื่องและเคสนั่นเอง
 

2. ลดโอกาสหลังเครื่องและกล้องเป็นรอย

 
          หากใครไม่ชอบใส่เคสโทรศัพท์มือถือ หากตัวเครื่องมีการลากถูไปกับโต๊ะหรือพื้นในขณะที่วางหงายไว้ก็อาจทำให้ตัวเครื่องหรือเลนส์กล้องเป็นรอยได้ หรือสำหรับคนที่ใส่เคสสวย ๆ แพง ๆ ก็คงอยากวางคว่ำหน้าเพื่อลดโอกาสที่เคสจะเป็นรอย แถมยังได้โชว์ความสวยงามของเคสไปในตัวอีกด้วย
 

3. ป้องกันการรบกวนสมาธิ

 
          โดยทั่วไปแล้วเมื่อมีโทรศัพท์มือถือ การแจ้งเตือนใด ๆ หน้าจอจะสว่างขึ้นมาเพื่อให้มองเห็นการแจ้งเตือนนั้น ๆ ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาที่ต้องการสมาธิก็อาจดึงความสนใจไปจนทำให้เสียสมาธิได้ การวางเครื่องคว่ำหน้าไว้ก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ในกรณีที่ขี้เกียจปรับเป็นโหมด Do Not Disturb
 

4. ป้องกันคนอื่นแอบดูหน้าจอ

 
          ใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวหรือเป็นคนมีความลับเยอะคงไม่อยากให้คนอื่นแอบมองเมื่อมีการแจ้งเดือนใด ๆ แสดงขึ้นมาบนหน้าจอขณะวางเครื่องไว้บนโต๊ะ จึงเลือกที่จะวางโทรศัพท์คว่ำหน้าไว้ปลอดภัยกว่า
 

วางโทรศัพท์หงาย มีข้อดียังไงบ้าง ?

 

วางโทรศัพท์หงาย


1. ดูแจ้งเตือนบนหน้าจอได้สะดวก

 
          เมื่อมีการแจ้งเตือนแสดงขึ้นมาบนหน้าจอ การวางโทรศัพท์หงายไว้ก็จะทำให้สามารถมองเห็นการแจ้งเตือนได้ทันทีว่าเป็นการแจ้งเตือนอะไร จากแอปฯ ไหน ซึ่งถ้าหากวางคว่ำหน้าไว้ก็จะมองไม่เห็นแจ้งเตือน และอาจไม่รู้ตัวเลยนอกจากจะตั้งค่าให้สั่นหรือมีเสียง
 

2. ใช้งานได้ในขณะที่วางอยู่

 
          โทรศัพท์ที่วางคว่ำอยู่เมื่อต้องการจะใช้งานก็คงจำเป็นต้องหยิบหงายขึ้นมาทุกครั้ง แต่การวางโทรศัพท์หงายนั้นเราจะสามารถปลดล็อกหน้าจอและใช้งานได้ในขณะที่ตัวเครื่องยังคงวางอยู่บนโต๊ะหรือพื้น โดยไม่จำเป็นต้องหยิบเครื่องขึ้นมาเลย
 

3. ลดโอกาสหน้าจอเป็นรอย

 
          หากใครไม่ได้ใส่เคสที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้หน้าจอสัมผัสกับพื้นผิวโต๊ะ การวางโทรศัพท์คว่ำก็มีโอกาสที่จะทำให้หน้าจอหรือฟิล์มเกิดเป็นรอยขีดข่วนจากการลากถูไปกับพื้นโต๊ะได้ แต่ถ้าหากวางเครื่องหงายไว้ก็จะไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้
 
          สุดท้ายแล้วสำหรับการวางโทรศัพท์ที่ถูกต้องนั้นจะสามารถวางแบบไหนก็ได้ ไม่มีถูกหรือผิด ขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดของแต่ละคน รวมถึงความเหมาะสมในแต่ละโอกาสและสถานการณ์ด้วยครับ

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

mbti-คออะไร-ทำไมตองทดสอบ

MBTI คืออะไร? ทำไมต้องทดสอบ ...ทางลัดรู้จักตัวตนกันและกันในยุคดิจิทัล

อยากรู้จักกันไม่ต้องขอเบอร์ เดี๋ยวส่งผล MBTI ให้เธอดูก็พอ ฮิ้วว~ เชื่อไหม…วัยรุ่นในประเทศเกาหลีใต้ ใช้ผลทดสอบ MBTI ในการเลือกคนที่จะเดตด้วยนะ!

ฟังแล้วไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะครับ แต่ที่ผล MBTI ได้รับความนิยมมากในกลุ่มวัยรุ่น นั่นก็เพราะว่าการแชร์ MBTI ของกันและกัน จะทำให้พวกเขาได้ค้นหาคนที่ใช่ เหมาะสมในเวลารวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้กันมากมายนั่นเองล่ะครับ

นอกจากเรื่องราวของความรักแล้ว “MBTI” ยังถือเป็นสิ่งหนึ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในหลากหลายประเทศ ให้ความสำคัญมาก ๆ เพื่อคัดเลือกผู้สมัครงานนั่นเองล่ะครับ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลาย ๆ คนคงกำลังสงสัยว่า ทำไมเจ้า “MBTI” ถึงได้สำคัญกับชีวิตในปัจจุบันของเราขนาดนี้
…ไม่รอช้าตามผมมาค้นหาคำตอบด้วยกันเลยครับ

MBTI คืออะไรกันแน่? เป็นแค่บททดสอบบทหนึ่งหรือเปล่า

ผมเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยลองเทสต์แบบทดสอบนี้กันมาบ้างแล้วแน่นอน แต่จริง ๆ แล้ว MBTI มันคืออะไรกันแน่นะ?

“MBTI หรือ Myers-Briggs Type Indicator” เป็นแบบทดสอบประเภทบุคลิกภาพ ตามทฤษฎีทางจิตวิทยาที่สามารถประเมินได้ด้วยตนเอง โดยมุ่งเน้นให้เกิดความเข้าใจตัวเองและผู้อื่นนั่นเองครับ โดยบุคลิกโดยทั่วไปของเราจะมีทั้งหมด 16 ประเภท เช่น INFJ, ENFP, ISTP, ESTJ เป็นต้น และสามารถแบ่งย่อยเป็น 4 ตัวชี้วัด ได้แก่

1. ความถนัดด้านการได้รับพลังงาน หรือบุคลิกภาพ : Extroverts (E) หรือ Introverts (I)
2. ความถนัดด้านการรับรู้สิ่งต่าง ๆ : Sensors (S) หรือ Intuitives (N)
3. ความถนัดด้านการตัดสินใจ : Thinkers (T) หรือ Feelers (F)
4. ความถนัดด้านไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต : Judgers (J) หรือ Perceivers (P)

เมื่อเราทำแบบทดสอบเสร็จแล้ว เราก็จะได้ตัวอักษรมาทั้งหมด 4 ตัว ซึ่งกำหนดเป็นตัวละคร นิสัย จุดเด่น และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทั้งหมด 16 ตัวละคร ซึ่งแต่ละคาแรกเตอร์ถือเป็นตัวแทนบุคลิกภาพของเรานั่นเองล่ะครับ

โดยเราสามารถเข้าไปทำแบบทดสอบฟรีได้ที่ https://www.16personalities.com/th ได้เลยครับผม

แล้วตัวอักษร INTJ, ENTP, ENFJ, ISTP และอื่น ๆ อีกมากมายเหล่านี้ สำคัญยังไงในปัจจุบันกันนะ? ตามมาหาคำตอบกันต่อข้างล่างน้ได้เลยครับ

MBTI สำคัญยังไง? ทำไมถึงควรทดสอบ

ความน่าสนใจของแบบทดสอบ MBTI ก็คือชุดทดสอบที่ทำให้เราเข้าใจตัวเองได้ละเอียดมากขึ้นนี่แหละครับ หลาย ๆ คนที่ยังไม่เคยทำเทสต์ อาจคิดว่าเป็นการทดสอบแค่ผิวเผิน แต่ความจริงแล้วคำถามในแต่ละข้อล้วนอิงจากเหตุการณ์ในช่วงเวลาที่เกือบปัจจุบัน และลักษณะนิสัยโดยทั่วไปที่ทุกคนต้องเผชิญกับภาวะเหล่านั้น แต่ข้อสำคัญของการทำแบบทดสอบคือ “เราควรตอบอย่างตรงไปตรงมา และไม่พยายามตอบแบบกลาง ๆ นะครับ” เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดนั่นเอง

ซึ่งเมื่อทำแบบทดสอบเสร็จแล้ว ก็จะทำให้เราเข้าใจบุคลิกของตัวเองมากขึ้น เข้าใจความถนัด ความสามารถ และจุดเด่นของตัวเอง ที่อาจนำไปใช้ต่อยอดพัฒนา พร้อมค้นหาอาชีพที่เหมาะสมในอนาคตได้นั่นเองล่ะครับ

…แล้ว MBTI สำคัญต่อการทำงานยังไงบ้าง?

เนื่องจาก MBTI ถือเป็นแบบทดสอบกลางที่เหมือนกันทั่วโลก และแน่นอนว่าในทุก ๆ องค์กรย่อมมีพนักงานหลากหลายบุคลิก หลากหลาย Working Style ที่ต้องมาทำงานร่วมกัน ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด บททดสอบ MBTI จึงเป็นตัวช่วยให้หัวหน้างานสามารถแบ่งหน้าที่ และมอบหมายงานได้ตรงความถนัดของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้นนั่นเองล่ะครับ

รวมทั้งยังดีต่อการนำไปต่อยอดพัฒนาบุคลากรในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาภาวะผู้นำ การจัดการความสัมพันธ์ในองค์กร การรักษาพนักงาน การให้คำแนะนำด้าน Career Path และการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพอีกด้วยครับ

นอกจากการทำงานในองค์กรแล้ว ในวงการไอดอลหรือศิลปินยังใช้ MBTI ในการวางกลยุทธ์โปรโมท เพื่อดึงจุดเด่นของศิลปินให้แฟนคลับได้รู้จักตัวตนของศิลปินในมุมที่ดีที่สุด และถือเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยสร้างชื่อเสียงให้พวกเขาได้เช่นกันครับ เช่นเดียวกับหลาย ๆ แบรนด์ที่ให้บริการอย่างสายการบินหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ ที่นำจุดแข็งของบุคลิกภาพของพนักงาน มาเพื่อรับรอง Service & Experience ที่ลูกค้าจะได้รับจากการบริการของแบรนด์นั่นเองล่ะครับ

เห็นไหมล่ะครับ ถึงแม้ว่า MBTI จะมีอิทธิพลในยุคดิจิทัลมากจริง ๆ และที่สำคัญยังเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองได้ตรงจุดมากขึ้นอีกด้วย แต่ถึงยังไงก็ตาม บุคลิกเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาพแวดล้อมและประสบการณ์ที่เราเจอ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ เราจึงควรทำแบบทดสอบกันบ่อย ๆ ทุก 2 – 3 ปีก็ได้นะครับผม อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เราได้รู้จักตัวเองในทุกช่วงเวลาของชีวิตนั่นเองล่ะครับ 🙂

Cr. https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/digital-update/what-is-mbti-test

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

เปิด Airplane Mode ช่วยเซฟการบินยังไงบ้าง

เปิด Airplane Mode บนเครื่องบิน ปลอดภัยกว่าจริงหรือ?

“กรุณาปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขณะเครื่องบินขึ้นและลงจอด”
หลังจากจบเสียงประกาศนี้ เพื่อน ๆ เลือกทำอะไร ระหว่าง ‘ปิดโทรศัพท์มือถือ – เปิดโหมดการบิน’ ครับ

หลายคนคงรู้อยู่แล้ว ว่าสาเหตุที่เราต้องปิดโทรศัพท์มือถือก็เพื่อไม่ให้สัญญาณของอุปกรณ์รบกวนระบบสื่อสาร และระบบอื่น ๆ ต่อการทำงานของเครื่องบินนั่นเอง แต่ขณะเดียวกันบางสายการบินก็อนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถเปิด Airplane Mode หรือโหมดเครื่องบินแทนการปิดเครื่องได้แล้วนะ

ว่าแต่…การเปิด Airplane Mode ช่วยลดการรบกวนสัญญาณได้เทียบเท่ากับการปิดโทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า? ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ ก็คงสงสัยแบบผมเช่นกันใช่ไหมล่ะ วันนี้ผมเลยขอพาทุกคนมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำงานของ ‘Airplane Mode’ กันสักหน่อยครับ

…ทำไมต้องเปิดโหมดเครื่องบิน?
…เปิดโหมดนี้จะเวิร์กจริงไหม?
ไม่รอช้า…รีบมาเช็กอิน แล้วบินไปหาคำตอบด้วยกันเลยครับผม~

ทำไมต้องเปิด Airplane Mode เมื่อขึ้นเครื่องบิน?

‘โหมดการบิน’ นั้นถูกออกแบบมาเพื่อปิดการส่งสัญญาณวิทยุออกไปเชื่อมต่อกับเสาสัญญาณที่อาจรบกวนการทำงานของการบิน โดยมีหลักการคือ ‘ปิดการเชื่อมต่อไร้สาย’ ภายในอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น

✖️ สัญญาณเซลลูลาร์ (Cellular)
✖️ สัญญาณ Wi-Fi
✖️ บริการตำแหน่งที่ตั้ง Location Services

ซึ่งจะเหลือเพียงสัญญาณเชื่อมต่อ Bluetooth ที่ไม่ได้ถูกปิดลง เราจึงสามารถเชื่อมต่อบลูทูธกับหูฟังไร้สายหรืออุปกรณ์บลูทูธอื่น ๆ ระหว่างไฟลต์ได้นั่นเองครับ แต่อย่างไรก็ตามผมอยากแนะนำว่าหากเพื่อน ๆ ต้องการฟังเพลงระหว่างไฟลต์ ควรเชื่อมต่อบลูทูธหลังช่วงเวลาเครื่องขึ้น (Take Off) และปิดบลูทูธก่อนเครื่องลงจอดจะดีกว่านะครับ

*ในขณะที่การปิดเครื่องหรือปิดมือถือจะเป็นการปิดทุกการเชื่อมต่อไร้สายโดยทันที

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เพื่อน ๆ ที่เดินทางกับสายการบินต่างประเทศบ่อย ๆ คงเริ่มแปลกใจว่า
… ‘แล้วทำไมบางสายการบินในยุโรป ถึงไม่บังคับกฎนี้กันแล้ว สรุปแบบไหนปลอดภัยกว่ากัน?’

ผมต้องบอกก่อนเลยครับว่า สาเหตุที่บางสายการบินอนุญาตให้ใช้มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องบินได้ เพราะสายการบินนั้นอาจมีการติดตั้งเทคโนโลยีแยกความถี่สัญญาณ ที่ช่วยป้องกันการรบกวนสัญญาณจากอุปกรณ์ส่วนบุคคลออกจากสัญญาณการบินนั่นเองครับ

แต่ ‘กฎ’ ดังกล่าว ขึ้นอยู่กับบางสายการบินเท่านั้นนะครับ ดังนั้น เราควรทำตามข้อบังคับที่พนักงานหรือเหล่าลูกเรือแนะนำจะดีที่สุด เพราะหากเราเผลอ ‘เปิดโทรศัพท์’ ขณะเดินทางกับสายการบินที่มี ‘กฎบังคับงดใช้โทรศัพท์ระหว่างไฟลต์’ ก็อาจจะผิดกฎหมาย งานเข้าก่อนถึงที่หมายได้เลยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน~

เปิด Airplane Mode แล้วดียังไง?

นอกจากเป็นการไม่รบกวนสัญญาณการสื่อสารของระบบการบินแล้ว การเปิด Airplane Mode หรือโหมดการบินยังมีข้อดีอื่น ๆ ตามมาอีกด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น

✔️ ประหยัดแบตเตอรี่ เนื่องจากโทรศัพท์ถูกปิดการใช้งานการเชื่อมต่อไร้สายต่าง ๆ
✔️ ไม่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่น
✔️ มีสมาธิในการรับฟังคำแนะนำ และคำสั่งต่าง ๆ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน
✔️ ช่วยเป็นหูเป็นตาด้านความปลอดภัยได้ หากเกิดความผิดปกติใด ๆ ทั้งนอกและในเครื่องบิน

นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะเวลาเราต้องเดินทางไกล ๆ การปล่อยตัวเองออกจากสมาร์ทโฟนสักพัก ก็ถือเป็นช่วงที่ให้เราได้มีเวลาพักผ่อนระหว่างไฟลต์ได้เต็มที่ ก่อนจะไปลุยต่อเมื่อถึงจุดหมายนั่นเองล่ะครับ

มาถึงตรงนี้แล้ว ผมคิดว่าเพื่อน ๆ คงได้คำตอบเกี่ยวกับ Airplane Mode กันแล้วใช่ไหมครับ ไม่แน่นะในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะสามารถไถฟีด Social Media อัปสเตตัสเก๋ ๆ แบบข้ามทวีปจนกลายเป็นเรื่องปกติก็ได้ แล้วอย่าลืมปฏิบัติตามกฎของสายการบินที่คุณเดินทางอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเราเองและผู้ร่วมทางของเรานะครับผม 🙂

Cr. https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/digital-update/flight-mode

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

เลือกฟิล์มกันรอยแบบไหน ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์

เลือกฟิล์มกันรอยแบบไหน ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์

เลือกฟิล์มกันรอยแบบไหน ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์
 

ตั้งแต่ที่สมาร์ทโฟนเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น การใช้มือถือแบบทัชสกรีนกลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันในชีวิตประจำวันกันซะแล้ว แถมยังทำให้ “ฟิล์มกันรอย” กลายเป็นไอเทมเสริมสุดฮิต เพราะแน่นอนว่าหลายคนอาจจะกลัวรอยขีดข่วน จอแตก จากการทำโทรศัพท์ตก หรือกระแทก การติดฟิล์มกันรอยช่วยให้เรารู้สึกอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันฟิล์มกันรอยโทรศัพท์ มีให้เลือกหลายรูปแบบมาก ๆ วันนี้ผมเลยจะชวนทุกคนมาเลือกฟิล์มกันรอยให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองเพิ่มขึ้น ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย!

ฟิล์มกันรอยแบบใส สามารถป้องกันรอยขีดข่วนบนหน้าจอได้ด้วยการเคลือบฟิล์มแข็งบาง (Hard Coating) เนื้อฟิล์มติดง่าย ป้องกันการเกิดรอยบนแผ่นฟิล์มด้วยครับ ถือเป็นฟิล์มกันรอยขั้นเบสิกที่หลายคนนิยมใช้ เพราะเมื่อติดแล้วหน้าจอยังคมชัด สีสันสดใสเหมือนปกติ โดยตัวแผ่นฟิล์มจะมีความใสและบางเป็นพิเศษ นอกจากนี้แผ่นฟิล์มกันรอยยังช่วยกรอง UV ที่มาจากหน้าจออีกด้วย จึงช่วยถนอมสายตาได้ในระดับหนึ่ง

และด้วยความคมชัดของหน้าจอและสีสันนี่แหละครับ ที่ผมว่าน่าจะตอบโจทย์สายซีรีส์ หรือเกมเมอร์ ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนเพื่อความบันเทิงโดยเฉพาะ เพราะไม่ทำให้เสียอรรถรสอย่างแน่นอน แต่อาจจะต้องระวังการเกิดรอยนิ้วมือ คราบมัน คราบเหงื่อ ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย จนทำให้เราต้องเช็ดหน้าจอบ่อย ๆ กันด้วยนะครับ

ฟิล์มกันรอยแบบด้าน เป็นฟิล์มกันรอยที่เมื่อแปะแล้วอาจจะไม่คมชัดเท่าฟิล์มแบบใส แต่ยังสามารถมองเห็นและใช้งานได้ตามปกติ โดยข้อดีคือยังช่วยป้องกันรอยนิ้วมือ และคราบมันบนเนื้อฟิล์มได้พอสมควร อีกทั้งยังลดแสงสะท้อนบนหน้าจอได้ดีใช้งานกลางแจ้งได้สะดวกมาก ซึ่งฟิล์มกันรอยแบบด้านมาพร้อมคุณสมบัติกันรอยขีดข่วนสูง และยังช่วยถนอมสายตา ทั้งนี้หากเราเลือกซื้อฟิล์มที่คุณภาพไม่ดี ก็อาจจะทำให้การแสดงผลบนหน้าจอมีสีที่ผิดเพี้ยนได้เช่นกัน

โดยฟิล์มด้านตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายเลยครับ เช่น คนรักความสะอาด ไม่ชอบให้มีคราบมัน หรือคราบอื่น ๆ ที่มักจะติดอยู่บนฟิล์ม เหมือนเวลาใช้แบบใส หรือใครที่ต้องทำงาน ใช้สมาร์ทโฟนเกือบตลอดเวลา การใช้ฟิล์มด้าน ก็ช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าจอ และถนอมสายตาของคุณได้มากขึ้นด้วยนะครับ

ฟิล์มกันรอยแบบกระจก ความจริงแล้วฟิล์มกระจกสามารถแบ่งแยกย่อยออกเป็นหลายแบบ ดังนี้

  • ฟิล์มกระจก
    ผลิตจากเนื้อฟิล์มชนิดหนึ่งที่มีสารเคลือบพิเศษ ทำให้สามารถเห็นเงาบนแผ่นฟิล์ม โดยเมื่อหน้าจออยู่ในโหมด Stand by จะเห็นหน้าจอเหมือนกระจกเงาสะท้อนได้ เหมือนกระจกที่เราเอาไว้ส่องทั่ว ๆ ไปเลยครับ แต่เมื่อเราใช้งานหน้าจอ ก็จะสามารถมองเห็นหน้าจอและใช้งานได้ตามปกติ
  • ฟิล์มกระจกนิรภัย
    พูดถึงสิ่งนี้จะว่าเป็นฟิล์มก็ไม่ใช่ซะทีเดียวนะครับ เพราะมันคือกระจกนิรภัยสำหรับปกป้องหน้าจอ โดยจุดเด่นหลัก ๆ คือ ความแข็งแรงทนทานกว่าแบบฟิล์ม ช่วยลดการแตกร้าวของหน้าจอหากทำตกพื้น อีกทั้งยังป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ลดรอยนิ้วมือ หรือคราบมันต่าง ๆ ได้ ซึ่งถึงแม้พื้นผิวจะค่อนข้างหนากว่าฟิล์มก็ไม่เป็นปัญหาเลยครับ เพราะเรายังสามารถสัมผัสหน้าจอและใช้งานได้ตามปกติแน่นอน

สำหรับใครที่รักษาของและขอปลอดภัยไว้ก่อน เพื่อสมาร์ทโฟนสุดที่รักนั้น การเลือกใช้เป็นฟิล์มกระจกก็ถือว่าแข็งแรง และช่วยป้องกันการกระแทกได้ไม่น้อย ซึ่งใครที่เป็นสายเที่ยว หรือสายลุย ที่อาจเสี่ยงทำมือถือตกกระแทก การติดฟิล์มกระจกก็ช่วยเซฟได้ดีเลยทีเดียว

ฟิล์มน้ำ หรือฟิล์มไฮโดรเจล (Hydrogel Film) คือ ฟิล์มกันรอยรูปแบบใหม่ ที่จุดเด่นคือบางเฉียบจนเหมือนกับไม่ได้ติด ทำให้เราสัมผัสความคมชัด และสีสันของหน้าจอได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมาพร้อมกับความแข็งแรง ทนทาน ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับฟิล์มกระจกด้วยนะครับ โดยตัวฟิล์มน้ำสามารถรับแรงกระแทกได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งในท้องตลาดที่มีขายในปัจจุบันมีทั้งแบบใสและแบบด้าน ให้เลือกใช้งานอีกด้วย

จริง ๆ ต้องบอกเลยว่าฟิล์มน้ำ อาจจะเหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไปอยู่แล้ว แต่ด้วยความบางของฟิล์มชนิดนี้ เราสามารถมั่นใจได้เลยว่าไม่มีปัญหาฟิล์มขอบลอย หรือ ฟิล์มดันเคสโทรศัพท์ เลยครับ ใครที่กังวลเรื่องการใช้งานตรงนี้ก็สบายใจได้เลย

ฟิล์มกันรอยแบบป้องกันความเป็นส่วนตัว ปกติแล้วฟิล์มทุกชนิดจะสามารถมองเห็นหน้าจอได้จากทุกมุมตามปกติใช่ไหมครับ แต่สำหรับฟิล์มกันรอยชนิดนี้ จะสามารถมองเห็นหน้าจอสมาร์ทโฟนได้แค่มุมด้านหน้าเท่านั้น หากมองจากมุมข้าง หรือมุมอื่น ๆ จะมองเห็นเป็นแค่จอมืด ๆ นั่นเอง เพื่อป้องกันผู้อื่นแอบดูหน้าจอ

ใครที่หวงความเป็น Privacy ให้ความสำคัญเป็นส่วนตัวมาก ๆ ฟิล์มกันรอยชนิดนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้มากเลยครับ ยิ่งถ้าต้องใช้สมาร์ทโฟนท่ามกลางฝูงชนอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะบนรถสาธารณะ หรือสถานที่ต่าง ๆ ก็ค่อนข้างตอบโจทย์เลยทีเดียว 

เห็นคุณสมบัติของฟิล์มกันรอยชนิดต่าง ๆ รวมถึงข้อแนะนำกันไปแล้ว น่าจะพอเลือกกันได้แล้วนะครับว่าฟิล์มกันรอยแบบไหนที่มีฟังก์ชันเหมาะกับการใช้งานของเรา ยังไงอย่าลืมเลือกใช้ให้ตรงกับความชอบและไลฟ์สไตล์ของตัวเองกันด้วยนะครับ งานนี้จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนกันบ่อย ๆ แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้สมาร์ทโฟนของคุณได้อีกด้วยนะครับ

Cr. https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/digital-update/mobile-film

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

โปรเน็ต AIS รายเดือน 470 บาท 4Mbps

pronetdonjai

470 บาท / 30 วัน

แพ็คเกจรายเดือน ความเร็วเน็ต 4 Mbps ราคา 470 บาท

คลิก >> *777*7632*201645#

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

โปรเน็ต AIS รายเดือน 380 บาท 2Mbps

pronetdonjai

380 บาท / 30 วัน

แพ็คเกจรายเดือน ความเร็วเน็ต 2 Mbps ราคา 380 บาท

คลิก >> *777*7631*201645#

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

ช้อปเพลิน ได้ลดหย่อนภาษีชัวร์

ช้อปเพลิน ได้ลดหย่อนภาษีชัวร์

ช้อปเพลิน ได้ลดหย่อนภาษีชัวร์
เมื่อซื้อสินค้าที่ AIS Shop, Telewiz* และ AIS Online Store
ขอรับใบกำกับภาษีแบบอิเล็กทรอนิกส์ ยอดซื้อรวมสูงสุด 50,000.- รับเงินคืนภาษีสูงสุด 17,500.-
*เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ | เงื่อนไขตามบริษัทกำหนด
1 ม.ค. 67 – 15 ก.พ. 67

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

ท่องโลก Metaverse กับ AIS 5G ล้ํากว่าทุกสเต็ป ทันทุกเทรนด์ดิจิทัล

ท่องโลก Metaverse กับ AIS 5G ล้ํากว่าทุกสเต็ป ทันทุกเทรนด์ดิจิทัล

หากพูดถึง “โลกดิจิทัล” ในตอนนี้เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยครับ ว่าสปอร์ตไลต์ทุกดวงต้องส่องให้คําว่า Metaverse เลยครับ จักรวาลนฤมิตรโลกเสมือนครั้งใหม่ที่ถูกเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี 5G นั่นเอง

หลาย ๆ คนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า 5G เขาไม่ได้มีดีแค่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเท่านั้น แต่ยังช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้ สาย รวมทั้งเพิ่มประสบการณ์การใช้อินเทอร์เน็ตของเราให้เหนือขั้นมากขึ้น ซึ่งความล้ําทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะการ พัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี 5G นี่แหละครับ ที่ส่งผลให้เกิดความหลากหลาย แถมยังขยายโอกาสใหม่ ๆ บน Digital Platform ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านประสบการณ์การเล่นอินเทอร์เน็ต รวมถึงโอกาสทางธุรกิจแห่งอนาคตอีก ด้วย ดังนั้นพวกเราทุกคนรวมทั้งธุรกิจในทุกแขนงจําเป็นต้อง “ปรับตัวให้ไว” ถึงจะก้าวทันเทรนด์โลกเสมือนครั้งนี้ ได้นั่นเองครับ

อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า AIS เป็นผู้นําด้านเทคโนโลยีที่คอยอัปเดตทุกเทรนด์เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงประสบการณ์ ดิจิทัลที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อโลกกําลังจะเข้าสู่ยุค Metaverse เทคโนโลยีโลกเสมือนครั้งใหม่ที่กําลังมาแรงซึ่งต้อง บอกเลยครับว่าเอไอเอสเองก็เตรียมพร้อมมาในระยะนึงแล้ว ทั้งความรู้ความเข้าใจและเทคโนโลยีที่รองรับการใช้ ชีวิตในโลกเสมือนอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น AIS 5G PLAY AR/VR, V-Avenue.Co แหล่งรวมศูนย์การค้าชั้น นําและ SME บนโลกเสมือนจริงแห่งแรกของโลก ที่ได้นําเทคโนโลยีที่ล้ําสมัยอย่าง Virtual Reality (VR) มาผสานกับ โครงข่าย AIS 5G ที่ทันสมัยที่สุดและดีที่สุดนั่นเองครับ เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ออนไลน์ชอปปิงในมิติใหม่ ไม่ว่าจะตอน ไหน หรืออยู่ที่ใดบนโลก เหมือนกับว่าได้เดินอยู่ที่ห้างจริง ๆ ตามมาดูความน่าสนใจของ V-Avenue.Co เพิ่มเติมได้ที่ www.v-avenue.co ได้เลยครับ

ด้วยเทคโนโลยี 5G จาก AIS ก็ทําให้หลาย ๆ คนก็เริ่มเห็นภาพสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมากขึ้น และสิ่งเหล่านี้นี่แหละ ครับจะนําไปสู่การพัฒนาต่อยอดให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุค Metaverse ได้อย่างมั่นคง เพื่อความพร้อมในการเปิด ระบบเศรษฐกิจในโลกเสมือนจริงที่จะสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศไทยได้ในอนาคต หากใครที่กําลังสงสัยว่า Metaverse สําคัญกับชีวิตและระบบเศรษฐกิจของเรายังไงบ้าง มารู้จักโลกเสมือนแห่งนี้ให้มากขึ้นที่ https://m.ais.co.th/aWHdMQWCM ด้วยกันได้เลยครับ

นอกจากนี้ AIS ยังเตรียมความพร้อมสู่โลกเสมือนด้วยการพัฒนานวัตกรรม Metaverse Human หรือบุคคลใน โลกเสมือนจริงคนแรกของไทย อย่าง “ไอ – ไอรีน” Brand Ambassador ใน AIS Family คนใหม่ซึ่งเป็น KOL ผู้มี อิทธิพลในยุค Metaverse ช่วยสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในธุรกิจร่วมกับเทคโนโลยี 5G เพื่อผลักดันและสร้าง Metaverse ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้เพราะในมุมมองของเอไอเอส “Metaverse” ไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นเสมือน สนามแข่งขันครั้งใหม่ ที่ทุกคนบนโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้แบบไร้ขีดจํากัด

4. ทำเสร็จตามขั้นตอนการย้ายค่ายออนไลน์เรียบร้อย

ดังนั้น 5G จึงเป็นส่วนที่สําคัญในการช่วยผลักดันยุค Metaverse ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ 5G ยังมีส่วนสําคัญในการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมหุ่นยนต์ผ่าตัด ทางไกล ที่แพทย์สามารถทํางานได้แบบข้ามซีกโลก หรือแม้แต่โรงงานอัจฉริยะที่ใช้หุ่นยนต์ควบคุมการผลิตแทน มนุษย์เป็นต้น ถ้าอยากรู้ว่า 5G จะสามารถเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราได้ยังไงบ้าง ดูต่อได้ที่ https://m.ais.co.th/oZHWlw1T4 ได้เลยครับ

เห็นไหมล่ะครับว่าในยุคนี้ 5G ไม่ใช่เพียงอินเทอร์เน็ต แต่ยังรวมไปถึงประสบการณ์สุดล้ําที่จะทําให้ไลฟ์สไตล์ของทุก คนบนโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แถมยังช่วยเติมเต็มความต้องการ ความสะดวกสบาย ของพวกเราได้อีกด้วย และถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาอย่างรวดเร็วแค่ไหน AIS ก็ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีให้ทันเทรนด์ต่าง ๆ ในทุก ๆ ก้าวเพราะโอกาสที่สําคัญที่สุดมักมาพร้อมกับการปรับตัวที่ไวที่สุด ครอบครัวเอไอเอสจึงมั่นใจได้เลยครับว่าคุณ จะสามารถฟินกับทุกประสบการณ์บนโลกดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ได้ด้วย AIS 5G นั่นเองครับ

Cr. https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/digital-update/5g-metaverse

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

ใครที่โทรศัพท์เริ่มเตือนว่าเมมใกล้เต็ม ต้องรีบเคลียร์

ใครที่โทรศัพท์เริ่มเตือนว่าเมมใกล้เต็ม ต้องรีบเคลียร์

เมมเต็มไม่ไหว! ต้องจัดการเคลียร์ให้หมด
 

ปัญหามือถือเมมเต็ม เรื่องเล็ก ๆ ใกล้ตัว ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ทำหลายคนวุ่นวายไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นไหน ๆ ต่างก็เคยประสบกับปัญหานี้มาแล้วทั้งนั้น เพราะหลายคนอาจจะชอบเก็บรูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์ต่าง ๆ รวมถึงแอปพลิเคชันมากมายที่โหลดเอาไว้เต็มเครื่อง จนสุดท้ายพื้นที่ในโทรศัพท์เต็ม แบบขยับทำอะไรไม่ได้แล้ว วันนี้ผมเลยมีวิธีเคลียร์เมมมือถือเพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งาน มาฝากกันครับ

ลบแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้ออก
การลบแอปฯ ที่ไม่ค่อยได้ใช้ก็ถือเป็นการเคลียร์พื้นที่ได้อย่างหนึ่งเลยครับ อย่างน้อย ๆ เราควรตรวจสอบเป็นระยะ ว่าแอปฯ ที่เราโหลดมาลงเครื่อง จริง ๆ เราได้ใช้งานบ่อยไหม ถ้าไม่จำเป็นขนาดนั้น ก็ลองลบออกไปดีกว่า

Memory Card หรือพื้นที่เก็บไฟล์เพิ่ม
ใครที่ใช้มือถือ Android สามารถซื้อ Memory Card ได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ความจำได้นะครับ เหมาะสำหรับใครที่ไม่ต้องการลบข้อมูลในเครื่อง และไม่ซีเรียสในเรื่องค่าใช้จ่าย การเลือกวิธีนี้ก็สะดวกไปอีกแบบครับ ส่วนใครที่ใช้ iOS ผมขอแนะนำให้จัดเก็บข้อมูลผ่าน iCloud ได้เลย ซึ่งจะทำการ Sync Backup อัปโหลดรูปให้เราอัตโนมัติ เมื่อเราต่ออินเทอร์เน็ต

ย้ายไฟล์ไปไว้ที่อื่น
ไม่ว่าจะเป็นรูป วิดีโอ หรือเพลง หากคุณเสียดายถ้าต้องลบไฟล์เหล่านี้ออกไปจากเครื่อง แนะนำว่าให้จัดเก็บลงคอมพิวเตอร์ หรืออัปโหลดเก็บไว้ในเว็บที่ให้พื้นที่ฝากไฟล์ฟรีก็ได้ครับ โดยส่วนใหญ่จะให้พื้นที่เก็บไฟล์ฟรี ตั้งแต่ 10GB ขึ้นไป ซึ่งก็ถือว่าเยอะพอสมควรเลย เช่น Google Drive, Google Photo, Dropbox ฯลฯ

เคลียร์แคชต่าง ๆ ของหน่วยความจำ
โดยปกติเวลาที่เราใช้งานแอปฯ ไหนบ่อย ๆ ก็จะถูกจัดเก็บลงหน่วยความจำ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น แอปพลิเคชัน LINE ที่ตัวแอปฯ อาจจะไม่ได้กินพื้นที่เยอะ แต่ที่หนักเครื่องก็คือประวัติการแชท รูปภาพ วิดีโอ ที่เราส่งในแชท ซึ่งถ้าไม่ลบออกไป ก็จะกินพื้นที่หน่วยความจำไปเยอะเลยครับ ซึ่งใครที่อยากเคลียร์แคชใน LINE ก็ง่ายมาก ไปที่

  1. Setting (ตั้งค่า)
  2. Chat (แชท)
  3. Delete Data (ลบข้อมูล)
  4. กดเลือก Cached Data (ข้อมูลในแคช) เพื่อเคลียร์ทั้งหมด หรือกดเลือกลบบางอย่าง เช่น Photo (รูป), Voice Message (ข้อความเสียง) และ Files (ไฟล์)
  5. กด Delete Selected Data (ลบข้อมูลที่เลือก) ก็เป็นอันเรียบร้อย

เคลียร์ History ในเบราว์เซอร์
เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บได้เหมือนกันครับ โดยการเคลียร์ประวัติท่องเว็บ จะช่วยลดความสิ้นเปลือง Ram ในการดาวน์โหลดข้อมูล และไม่สิ้นเปลือง data อินเทอร์เน็ตด้วยนะครับ

มือถือ Andriod ก็รวม SD Card ให้เป็นหน่วยความจำภายในได้
อันนี้สำหรับสมาร์ทโฟน Andriod ตั้งแต่เวอร์ชัน 6.0 ขึ้นไป สามารถใช้ฟีเจอร์ Adoptable Storage เพื่อจัดการพื้นที่ได้เลยครับ โดยจะเป็นการ Format หน่วยความจำเสริม SD Card และนำมาควบรวมกับหน่วยความจำตัวเครื่อง เพื่อเพิ่มความจุให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนอื่นต้องแบ็กอัปข้อมูลที่อยู่บนการ์ดให้เรียบร้อย เนื่องจากข้อมูลจะหายหลังจากที่เรา Format ครับ โดยวิธีการตั้งค่าก็ตามนี้เลย! ไปที่

  1. Setting (ตั้งค่า)
  2. Storage & App (พื้นที่เก็บข้อมูลและ USB)
  3. แตะที่การ์ด SD
  4. แตะที่ปุ่มเมนูด้านขวาบน
  5. เลือก Setting (ตั้งค่า)
  6. Format as internal (ฟอร์แม็ตเป็นแบบภายใน) เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วครับ

ลองทำตามวิธีต่าง ๆ ที่เราแนะนำในเบื้องต้นกันดู รับรองว่าคุณจะได้พื้นที่ในโทรศัพท์คืนมาอีกเพียบ ใครที่โทรศัพท์เริ่มเตือนว่าเมมใกล้เต็ม ก็อย่าลืมเคลียร์พื้นที่กันไว้ จะได้ใช้งานแบบไม่มีสะดุดนะครับ

Cr. https://www.ais.th/consumers/lifestyle/blog/digital-update/memoryclear

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

1 คะแนน แลกความพิเศษที่มากกว่าเดิม ทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษ

1 คะแนน แลกความพิเศษที่มากกว่าเดิม ทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษ

AIS ให้คุณสุขเกินเบอร์
ตลอดเดือนธันวาคมนี้
มี ais-point-th-2.png มีแต่ความพิเศษ

1 คะแนน แลกความพิเศษที่มากกว่าเดิม ทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษ

ที่แอป myAIS

จำกัดจำนวนการเก็บคูปอง 3 สิทธิ์ต่อหมายเลข (ลูกค้าแบบรายเดือน 1 ใบแจ้งค่าใช้บริการ / 3 สิทธิ์) ตลอดระยะเวลาโครงการ

ขั้นตอนการเก็บคูปองง่ายๆ

 
  • สิทธิพิเศษนี้สำหรับลูกค้า AIS, AIS Fibre รายบุคคล และ ลูกค้า AIS SME ที่สมัครเข้าร่วมโครงการเอไอเอส พอยท์แล้ว ที่ทำการเก็บ AIS Coupon บนแอป myAIS ที่เมนูคูปองวันนี้ ตั้งแต่ 1 ธันวาคม – 31 ธันวาคม 2566 (เฉพาะวันจันทร์ – วันศุกร์)
  • AIS Coupon ที่ได้รับจากแคมเปญ AIS Points Celebration จะหมดอายุพร้อมกันในวันที่ 31 มกราคม 2567
  • ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขายอื่นได้
  • จำกัดจำนวนการเก็บคูปอง 3 สิทธิ์ต่อหมายเลข (ลูกค้าแบบรายเดือน 1 ใบแจ้งค่าใช้บริการ/3สิทธิ์) ตลอดระยะเวลาโครงการ ไม่รวมแลก LINE Stickers, วอลเปเปอร์เสริมดวง
  • พนักงาน บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS), บริษัทในเครือ AIS รวมถึงผู้ใช้บริการโปรโมชั่น ญาติพนักงาน AIS ไม่มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรม
  • ดูจำนวนสิทธิ์และเงื่อนไขเพิ่มเติมของแต่ละคูปอง ที่แอป myAIS

Cr. https://www.ais.th/consumers/privileges/points/celebration/redemption

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com