Categories
Uncategorized

ไทยเน็ต 5G เร็วแรง คุ้มค่าการใช้งาน

ไทยเน็ต 5G เร็วแรง คุ้มค่าการใช้งาน

เทคโนโลยี 5G กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เราใช้งานอินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวัน ด้วยความเร็วและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ไทยเน็ต 5G จึงเป็นหนึ่งในบริการที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความเร็วและความแรงของไทยเน็ต 5G

ไทยเน็ต 5G มอบประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เหนือกว่าด้วยความเร็วสูงสุดที่สามารถเข้าถึงได้มากกว่าเทคโนโลยี 4G หลายเท่า ความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลดของ 5G ช่วยให้สามารถใช้งานข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม้ในช่วงเวลาที่มีการใช้งานเครือข่ายอย่างหนักหน่วง

จุดเด่นของไทยเน็ต 5G

    • ความเร็วสูงสุด: ไทยเน็ต 5G สามารถรองรับการดาวน์โหลดที่เร็วขึ้นอย่างมาก ซึ่งช่วยให้คุณสามารถสตรีมวิดีโอความละเอียดสูง เล่นเกมออนไลน์ที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว และดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
    • ความเสถียรของสัญญาณ: ด้วยเทคโนโลยี 5G ไทยเน็ต 5G มอบการเชื่อมต่อที่เสถียรและลดความล่าช้า (latency) ทำให้ประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประชุมวิดีโอคอลหรือการเล่นเกมออนไลน์
    • รองรับการใช้งานหลายอุปกรณ์พร้อมกัน: 5G สามารถรองรับการเชื่อมต่อของอุปกรณ์หลายเครื่องได้พร้อมกันโดยไม่ทำให้ความเร็วลดลง เหมาะสำหรับครอบครัวหรือการใช้งานในที่ทำงานที่มีผู้ใช้งานหลายคน
    • ประสิทธิภาพในการใช้งานในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น: ไทยเน็ต 5G ทำงานได้ดีแม้ในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น เช่น ในเมืองใหญ่หรือในงานกิจกรรมที่มีผู้คนมากมาย

คุ้มค่ากับการลงทุน

แม้ว่าไทยเน็ต 5G อาจมีราคาสูงกว่าบริการอินเทอร์เน็ตแบบ 4G แต่เมื่อพิจารณาจากความเร็ว ความเสถียร และประสิทธิภาพที่ได้มา ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่มีคุณภาพสูง การใช้งาน 5G จะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น

การใช้งานในอนาคต

ด้วยความสามารถในการรองรับการใช้งานเทคโนโลยีในอนาคต เช่น IoT (Internet of Things) และการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ที่ต้องการการตอบสนองแบบทันที (real-time communication) ไทยเน็ต 5G ถือเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์การใช้งานในระยะยาวและรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังมาถึง

สรุป

ไทยเน็ต 5G เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วแรงและเสถียร ด้วยความสามารถในการรองรับการใช้งานหลายรูปแบบ และความคุ้มค่าต่อการลงทุน ถือว่าเป็นบริการที่เหมาะสำหรับการใช้งานในปัจจุบันและอนาคตอย่างแท้จริ

Categories
Uncategorized

เล่นมือถือขณะที่กำลังชาร์จอันตรายถึงชีวิต

การเล่นมือถือขณะที่กำลังชาร์จอันตรายถึงชีวิต

การเล่นมือถือขณะที่กำลังชาร์จแบตเตอรี่อาจเป็นกิจกรรมที่หลายคนทำเป็นประจำ แต่ทราบหรือไม่ว่ามีความเสี่ยงและอันตรายที่อาจถึงชีวิตได้ บทความนี้จะอธิบายถึงเหตุผลที่การเล่นมือถือขณะที่กำลังชาร์จอาจเป็นอันตราย และวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง

อันตรายที่อาจเกิดขึ้น

    1. การระเบิดของแบตเตอรี่

      • แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ในมือถือมีความไวต่อความร้อนสูง การเล่นมือถือในขณะที่ชาร์จอาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไปและเกิดการระเบิดได้
      • กรณีแบตเตอรี่ระเบิดอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงหรือไฟไหม้
    2. ไฟฟ้าช็อต

      • หากสายชาร์จหรืออุปกรณ์ชาร์จมีความเสียหาย การเล่นมือถือขณะที่ชาร์จอาจทำให้เกิดไฟฟ้าช็อต
      • การใช้สายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานหรือของปลอมมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดไฟฟ้ารั่ว
    3. ไฟไหม้

      • การใช้มือถือขณะชาร์จอาจทำให้เกิดความร้อนสะสมในอุปกรณ์ หากวางมือถือบนพื้นผิวที่ไม่ระบายความร้อนได้ดีอาจทำให้เกิดไฟไหม้

กรณีที่เกิดขึ้นจริง

    • มีรายงานข่าวหลายกรณีที่เกิดเหตุการณ์มือถือระเบิดขณะกำลังชาร์จ เช่น กรณีของหญิงสาวในจีนที่มือถือระเบิดขณะที่เธอกำลังใช้ขณะชาร์จ ทำให้เสียชีวิตทันที
    • ในประเทศอื่นๆ ก็มีรายงานคล้ายกันที่เกิดขึ้นจากการใช้มือถือขณะชาร์จ ทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงหรือไฟไหม้บ้าน

วิธีป้องกัน

    1. ใช้สายชาร์จและอุปกรณ์ชาร์จที่ได้มาตรฐาน

      • ควรเลือกใช้สายชาร์จและอุปกรณ์ชาร์จที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน
      • หลีกเลี่ยงการใช้สายชาร์จที่ไม่ได้รับการรับรองหรือของปลอม
    2. หลีกเลี่ยงการใช้งานมือถือขณะชาร์จ

      • พยายามหลีกเลี่ยงการใช้มือถือขณะที่กำลังชาร์จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานที่ต้องใช้พลังงานมาก เช่น การเล่นเกมหรือดูวิดีโอ
      • หากจำเป็นต้องใช้งาน ควรหยุดชาร์จหรือใช้แบตเตอรี่สำรองแทน
    3. ตรวจสอบสภาพของสายชาร์จและอุปกรณ์ชาร์จ

      • ตรวจสอบสายชาร์จและอุปกรณ์ชาร์จเป็นประจำว่าไม่มีความเสียหายหรือรอยร้าว
      • หากพบว่าอุปกรณ์มีปัญหา ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
    4. เก็บรักษาอุปกรณ์ชาร์จในที่ที่เหมาะสม

      • เก็บรักษาอุปกรณ์ชาร์จในที่ที่แห้งและไม่มีความชื้น
      • หลีกเลี่ยงการวางอุปกรณ์ชาร์จในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือแสงแดดจัด

สรุป

การเล่นมือถือขณะที่กำลังชาร์จอาจเป็นกิจกรรมที่ดูไม่มีอันตราย แต่ในความเป็นจริงมีความเสี่ยงที่อาจถึงชีวิตได้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานมือถือขณะชาร์จและตรวจสอบอุปกรณ์ชาร์จให้มีความปลอดภัย การดูแลรักษาอุปกรณ์ให้ดีจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายร้ายแรงได

Categories
Uncategorized

กล้องมือถือพังสิ่งที่ควรทำและวิธีการแก้ไข

กล้องมือถือพังสิ่งที่ควรทำและวิธีการแก้ไข

กล้องมือถือเป็นส่วนสำคัญของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและการใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม กล้องมือถืออาจเกิดปัญหาหรือเสียหายได้ บทความนี้จะอธิบายถึงสิ่งที่ควรทำเมื่อกล้องมือถือพัง รวมถึงวิธีการแก้ไขและการดูแลรักษาเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

สิ่งที่ควรทำเมื่อกล้องมือถือพัง

1. ตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น

ก่อนที่จะทำการแก้ไขปัญหา ควรตรวจสอบว่ากล้องมือถือมีปัญหาอะไร โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:

1.1 ตรวจสอบเลนส์กล้อง

    • ทำความสะอาดเลนส์กล้อง: ใช้ผ้านุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดทำความสะอาดเลนส์กล้อง เพื่อขจัดฝุ่นและรอยนิ้วมือที่อาจทำให้ภาพถ่ายไม่ชัด
    • ตรวจสอบรอยขีดข่วน: ตรวจสอบเลนส์กล้องว่ามีรอยขีดข่วนหรือไม่ รอยขีดข่วนอาจทำให้ภาพถ่ายเบลอหรือมีจุดเสีย

1.2 ตรวจสอบแอปพลิเคชันกล้อง

    • รีสตาร์ทแอปพลิเคชันกล้อง: ปิดแอปพลิเคชันกล้องและเปิดใหม่อีกครั้ง เพื่อดูว่าปัญหายังคงอยู่หรือไม่
    • อัพเดตแอปพลิเคชันกล้อง: ตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันกล้องมีการอัพเดตใหม่หรือไม่ และทำการอัพเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

1.3 ตรวจสอบการตั้งค่ากล้อง

    • รีเซ็ตการตั้งค่ากล้อง: หากกล้องมีปัญหาในการโฟกัสหรือการถ่ายภาพ ให้ลองรีเซ็ตการตั้งค่ากล้องกลับไปเป็นค่าเริ่มต้น

2. วิธีการแก้ไขปัญหากล้องมือถือ

2.1 การแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง

    • รีสตาร์ทโทรศัพท์: ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ เพื่อดูว่าปัญหายังคงอยู่หรือไม่ การรีสตาร์ทอาจช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดจากซอฟต์แวร์ชั่วคราวได้
    • อัพเดตซอฟต์แวร์: ตรวจสอบว่าโทรศัพท์มีการอัพเดตระบบปฏิบัติการใหม่หรือไม่ และทำการอัพเดตให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด การอัพเดตซอฟต์แวร์อาจแก้ไขปัญหาที่เกิดจากบั๊กหรือข้อผิดพลาดในระบบ

2.2 การแก้ไขปัญหาด้วยการขอความช่วยเหลือ

    • ติดต่อศูนย์บริการ: หากปัญหายังคงอยู่ ควรติดต่อศูนย์บริการของผู้ผลิตโทรศัพท์หรือร้านค้าที่คุณซื้อโทรศัพท์มา เพื่อขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบและซ่อมแซม
    • ใช้ประกัน: หากโทรศัพท์ยังอยู่ในประกัน ควรใช้บริการประกันเพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม

การป้องกันและดูแลรักษากล้องมือถือ

1. การป้องกันการเกิดปัญหา

    • ใช้เคสและฟิล์มกันรอย: ใช้เคสและฟิล์มกันรอยที่มีคุณภาพ เพื่อป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนและการกระแทกที่อาจทำให้กล้องเสียหาย
    • หลีกเลี่ยงการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการใช้งานกล้องในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่น น้ำ หรือความชื้นสูง ซึ่งอาจทำให้กล้องเสียหายได้

2. การดูแลรักษากล้อง

    • ทำความสะอาดเลนส์กล้องอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ผ้านุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดทำความสะอาดเลนส์กล้องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อขจัดฝุ่นและรอยนิ้วมือ
    • ระมัดระวังในการใช้งาน: ระมัดระวังไม่ให้กล้องกระแทกหรือหล่นจากที่สูง ซึ่งอาจทำให้เลนส์แตกหรือกล้องเสียหาย

3. การสำรองข้อมูล

    • สำรองข้อมูลรูปภาพ: สำรองข้อมูลรูปภาพในโทรศัพท์ไปยังคลาวด์หรือคอมพิวเตอร์เป็นประจำ เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูลในกรณีที่กล้องหรือโทรศัพท์เสียหาย

สรุป

การแก้ไขปัญหากล้องมือถือที่พังควรเริ่มจากการตรวจสอบปัญหาและการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง เช่น การทำความสะอาดเลนส์ รีสตาร์ทโทรศัพท์ และอัพเดตซอฟต์แวร์ หากปัญหายังคงอยู่ ควรติดต่อศูนย์บริการหรือใช้บริการประกันเพื่อซ่อมแซม การป้องกันและดูแลรักษากล้องมือถืออย่างถูกวิธี เช่น การใช้เคสและฟิล์มกันรอย และการทำความสะอาดเลนส์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของกล้องและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

Categories
Uncategorized

10 แอปที่ช่วยวัดคุณภาพอินเตอร์เน็ต

10 แอปที่ช่วยวัดคุณภาพอินเตอร์เน็ต

การวัดคุณภาพอินเตอร์เน็ตสามารถช่วยให้เราทราบถึงความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลด, ความเสถียร, และค่า Latency (ping) ซึ่งสำคัญต่อการใช้งานทั่วไป, การสตรีมมิง, และการเล่นเกมออนไลน์ ต่อไปนี้คือ 10 แอปพลิเคชันที่สามารถช่วยวัดคุณภาพอินเตอร์เน็ตได้

1. Speedtest by Ookla

ฟังก์ชันหลัก: วัดความเร็วในการดาวน์โหลด, อัปโหลด, และค่า ping
ประโยชน์: มีฐานข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกทำให้สามารถทดสอบจากจุดที่ใกล้เคียงมากที่สุด

2. Fast.com

ฟังก์ชันหลัก: วัดความเร็วในการดาวน์โหลดโดยเฉพาะ
ประโยชน์: ออกแบบโดย Netflix เพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจสอบความเร็วในการสตรีมวิดีโอ

3. nPerf

ฟังก์ชันหลัก: วัดความเร็วในการดาวน์โหลด, อัปโหลด, ค่า ping, และตรวจสอบคุณภาพการสตรีมมิงและการท่องเว็บ
ประโยชน์: ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณภาพของเครือข่าย

4. Meteor

ฟังก์ชันหลัก: วัดความเร็วอินเตอร์เน็ตและทดสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น YouTube, Facebook, และ WhatsApp
ประโยชน์: ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจผลกระทบของความเร็วอินเตอร์เน็ตต่อการใช้งานแอปพลิเคชัน

5. OpenSignal

ฟังก์ชันหลัก: วัดความเร็วอินเตอร์เน็ต, ค่า ping, และตรวจสอบความครอบคลุมของเครือข่าย
ประโยชน์: ช่วยให้ผู้ใช้ทราบถึงสัญญาณเครือข่ายในพื้นที่ต่างๆ

6. NetSpot

ฟังก์ชันหลัก: วัดความเร็ว Wi-Fi, วิเคราะห์เครือข่าย และตรวจสอบปัญหาสัญญาณ
ประโยชน์: เหมาะสำหรับการจัดการและปรับปรุงเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านหรือสำนักงาน

7. WiFi Analyzer

ฟังก์ชันหลัก: ตรวจสอบสัญญาณ Wi-Fi และค้นหาช่องที่มีการรบกวนน้อยที่สุด
ประโยชน์: ช่วยปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของเครือข่าย Wi-Fi

8. Network Analyzer

ฟังก์ชันหลัก: ตรวจสอบสถานะเครือข่าย, วัดความเร็วอินเตอร์เน็ต, และแสดงข้อมูลเครือข่าย
ประโยชน์: ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ในการตรวจสอบเครือข่ายหลากหลาย

9. TestMy.net

ฟังก์ชันหลัก: วัดความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลด, ทดสอบความเสถียรของเครือข่าย
ประโยชน์: ให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้และละเอียด

10. V-SPEED Speed Test

ฟังก์ชันหลัก: วัดความเร็วในการดาวน์โหลด, อัปโหลด, ค่า ping, และตรวจสอบประสิทธิภาพของเครือข่าย
ประโยชน์: มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและสามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์กับค่าเฉลี่ยของประเทศหรือพื้นที่ต่างๆ
การใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้จะช่วยให้คุณทราบถึงประสิทธิภาพของอินเตอร์เน็ตและสามารถแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม

Categories
Uncategorized

การถนอมแบตเตอรี่มือถือ

Categories
Uncategorized

10 แอพแอนตี้ไวรัสสำหรับ iPhone

การป้องกันไวรัสและการรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในกรณีของไอโฟน (iPhone) ซึ่งถือว่ามีระบบปฏิบัติการที่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่การใช้แอพพลิเคชั่นแอนตี้ไวรัสหรือแอพเพื่อความปลอดภัยยังคงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อความมั่นใจ แอพพลิเคชั่นเหล่านี้มักมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การปกป้องข้อมูลส่วนตัว การตรวจสอบเว็บไซต์ที่ปลอดภัย และการป้องกันการขโมยข้อมูล นี่คือ 10 แอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับไอโฟน:

1. Avast Security & Privacy

มีฟีเจอร์ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยออนไลน์

การตรวจสอบเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยและป้องกันฟิชชิ่ง

2. McAfee Mobile Security

ฟีเจอร์การป้องกันการสูญหายของอุปกรณ์และการลบข้อมูลจากระยะไกล

การตรวจสอบเว็บไซต์และเครือข่ายที่ปลอดภัย

3. Norton Mobile Security

การปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูล

การตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi

4. Lookout Mobile Security

การปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการป้องกันการโจรกรรมข้อมูล

การสำรองข้อมูลและการค้นหาอุปกรณ์ที่สูญหาย

5. Trend Micro Mobile Security

ฟีเจอร์การป้องกันฟิชชิ่งและเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

การตรวจสอบความปลอดภัยของแอพพลิเคชั่นและอุปกรณ์

6. Kaspersky Security Cloud

การป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีออนไลน์

การตรวจสอบและปกป้องข้อมูลส่วนตัว

7. Bitdefender Mobile Security

ฟีเจอร์การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลและการตรวจสอบเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

การตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่น

8. Avira Mobile Security

การตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi และเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลและการสำรองข้อมูล

9. Sophos Intercept X for Mobile

ฟีเจอร์การป้องกันมัลแวร์และการตรวจสอบเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์

10. Webroot Mobile Security

การป้องกันฟิชชิ่งและการตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi

การปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการป้องกันการโจรกรรมข้อมูล

แอพพลิเคชั่นเหล่านี้มีฟีเจอร์ที่หลากหลายเพื่อช่วยปกป้องไอโฟนของคุณจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เลือกแอพที่ตรงกับความต้องการและการใช้งานของคุณเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของคุณปลอดภัยและได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่

Categories
Uncategorized

10 แอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Android 2024

10 แอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Android 2024

ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสไม่ได้มีไว้สำหรับคอมพิวเตอร์เท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสมบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android เพื่อช่วยป้องกันแอปและมัลแวร์ที่เสียหายหรือเป็นอันตราย ระบบปฏิบัติการ Android ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและติดตั้งบนอุปกรณ์หลายล้านเครื่องทั่วโลก ทำให้เป็นเป้าหมายหลักสำหรับแฮ็กเกอร์ที่เป็นอันตราย

ไม่ต้องบอกว่านั่นหมายความว่ามีไวรัส Android นับไม่ถ้วนที่สามารถส่งผลกระทบต่อโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ และอาจทำให้อุปกรณ์เสียหายหรือถูกขโมยข้อมูลประจำตัวและข้อมูลทางการเงิน

ด้วยการติดตั้งแอปป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพสำหรับ Android คุณสามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากการโจมตีประเภทเหล่านี้ได้ สิ่งที่ดีที่สุดในตลาดให้การปกป้องอย่างทั่วถึงในขณะที่ใช้ทรัพยากรขั้นต่ำบนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์จะทำงานได้อย่างราบรื่น

นี่คือแอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด 10 อันดับสำหรับ Android:

1. โปรแกรมป้องกันไวรัส Surfshark

คุณต้องการโปรแกรมป้องกันไวรัสหรือไม่
โซลูชันที่โดดเด่นของเราคือ Surfshark Antivirus ซึ่งนำเสนอชุดรวมที่ยอดเยี่ยมในราคาที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งติดตั้งและกำหนดค่าได้ง่าย
โปรแกรมป้องกันไวรัสป้องกันไวรัสที่รู้จักและภัยคุกคามซีโร่เดย์ทั้งหมด ชุดรวมนี้ยังมี VPN เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ คุณสมบัติบางอย่างรวมถึง

ตรวจจับและกำจัดมัลแวร์และภัยคุกคามขั้นสูงอื่นๆ
หยุดมัลแวร์แบบเรียลไทม์ก่อนที่มันจะทำอันตรายต่ออุปกรณ์ของคุณ
ซ่อนที่อยู่ IP (Internet Protocol) และตำแหน่งทางกายภาพ (VPN) ของคุณ
แจ้งเตือนหากอีเมล รหัสผ่าน ID หรือข้อมูลธนาคารของคุณปรากฏในการละเมิด
ช่วยให้คุณสามารถค้นหาเว็บโดยไม่มีโฆษณาหรือการติดตาม
ระบบ Surfshark Cloud Protect วิเคราะห์ไฟล์ที่ไม่รู้จักเพื่อป้องกันการโจมตีซีโร่เดย์

2. Bitdefender ความปลอดภัยบนมือถือ

Bitdefender: ชุดความปลอดภัยทางไซเบอร์ยุคหน้า
อันดับต้น ๆ ของรายการของเราคือแอพความปลอดภัย Android ของ Bitfender ซึ่งมีการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ผลกระทบด้านประสิทธิภาพเล็กน้อย การรวมนาฬิกา Android Wear ตัวบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย และอื่น ๆ

หนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของแอพป้องกันไวรัสของ Bitdefender คือมีเครื่องมือปกป้องความเป็นส่วนตัวที่มีประสิทธิภาพ เช่น การล็อคแอพ สแกนเนอร์ Wi-Fi และคุณสมบัติป้องกันการโจรกรรม บริษัทเพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ Scam Alert ซึ่งตั้งค่าสถานะลิงก์ที่อาจเป็นอันตรายในข้อความ SMS การแจ้งเตือนบนหน้าจอ และแอพส่งข้อความ

แอพมือถือป้องกันไวรัส Android ของ Bitdefender ได้รับคะแนนเต็มในการทดสอบ AV-Test ล่าสุด AV-Comparatives ซึ่งเป็นแล็บทดสอบแอนตี้ไวรัสอิสระรายใหญ่รายอื่น สังเกตอัตราการป้องกันที่ 99.9%

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Bitdefender Mobile Security:

การป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม
ผลกระทบด้านประสิทธิภาพเล็กน้อย
การรวมนาฬิกา Android Wear
เครื่องมือป้องกันความเป็นส่วนตัว
คุณสมบัติการแจ้งเตือนการหลอกลวง

3. Webroot ความปลอดภัยบนมือถือ

แอปป้องกันไวรัสยอดนิยมอีกแอปหนึ่งสำหรับ Android คือ Mobile Security ของ Webroot ซึ่งมีโปรแกรมป้องกันไวรัสขั้นสูงสำหรับ Android และการป้องกันความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต แอปดำเนินการสแกนและอัปเดตอย่างราบรื่นโดยไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงหรือทำให้แบตเตอรี่หมด และบล็อกภัยคุกคามจากมัลแวร์มือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนที่มันจะแพร่ระบาดในโทรศัพท์ของคุณ

แอพ Android ของ Webroot ยังป้องกันการโจมตีแบบฟิชชิงหรือวิศวกรรมสังคมซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยการป้องกันที่ครอบคลุมของ Webroot สำหรับการท่องเว็บ คุณจะได้รับการปกป้องจากการละเมิดข้อมูลประจำตัวและข้อมูลส่วนตัวของคุณ ด้วยการใช้การกรอง URL ที่เป็นกรรมสิทธิ์ Webroot จัดหมวดหมู่และกรองภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่นำเสนอโดย Webroot คือความสามารถในการเข้าถึงและล็อกอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกขโมยได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถล็อก หน้าจอ หรือล้างข้อมูลสมาร์ทโฟน Android ของคุณได้ทันทีที่มีการบุกรุก รวมทั้งระบุตำแหน่งของมันด้วย

 

โปรแกรมป้องกันไวรัส Android ขั้นสูง
การสแกนที่ไร้รอยต่อที่ง่ายดายบนโทรศัพท์
การท่องเว็บที่ปลอดภัย
ค้นหาอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกขโมย
ตรวจสอบแอปพลิเคชันและการอัปเดตทั้งหมดโดยอัตโนมัติ

4. แพนด้ารักษาความปลอดภัย

Panda Dome Premium คืออะไรและใช้อย่างไร? – การรักษาความปลอดภัยแพนด้า
Panda Security นำเสนอการป้องกันไวรัส Android ที่มีประสิทธิภาพด้วยการสแกนแอปที่ติดตั้งและการอัปเดตแอปตามเวลาจริงก่อนที่จะใช้งานครั้งแรก เช่นเดียวกับแอปป้องกันไวรัส Android ชั้นนำอื่น ๆ Panda มีผลกระทบต่ำต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของแอพนี้คือสามารถสแกนการ์ดหน่วยความจำ SD ได้ด้วย
แอป Android ของ Panda ตรวจสอบและแสดงสิทธิ์การเข้าถึงของอุปกรณ์ของคุณ เช่น การเข้าถึงผู้ติดต่อ บัญชี รูปภาพ สถานที่ และอื่นๆ ซึ่งช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าต้องการเก็บหรือลบแอปใด
แอพนี้ยังปรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้เหมาะสมด้วยการตรวจสอบการใช้หน่วยความจำของแอพที่ติดตั้ง โดยจะหยุดการประมวลผลของแอปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุด
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Panda
การสแกนแอพและอัปเดตที่ติดตั้งตามเวลาจริง
ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง
ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด
ผลกระทบต่ออุปกรณ์ต่ำ
ติดตามคุณและอุปกรณ์ของคุณในแบบเรียลไทม์

5. Norton 360

ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Norton 360 บนอุปกรณ์ Android
Norton Mobile Security เป็นหนึ่งในชื่อที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม นำเสนอการป้องกันมัลแวร์ที่ดีที่สุดสำหรับ Android ในตลาด ประกอบด้วยคุณลักษณะต่างๆ มากมาย เช่น App Advisor ที่ตรวจสอบแอปเพื่อหาความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวหรือพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

แอปได้รับคะแนนสูงสุดในด้านการป้องกันโปรแกรมป้องกันไวรัส และคุณจะได้พบกับฟีเจอร์อื่นๆ มากมาย เช่น การบล็อกการโทรเพื่อป้องกันการโทรสแปม และการรักษาความปลอดภัย WiFi เพื่อช่วยป้องกันคุณจากการเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายที่ไม่ปลอดภัย
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Panda:
ตัวตรวจสอบแอป
ตัวบล็อกการโทรสแปม
การป้องกันระดับสูง
ความปลอดภัย WiFi

6. Avast Mobile Security

อีกหนึ่งชื่อใหญ่ในอุตสาหกรรม Avast นำเสนอแอปป้องกันไวรัสสำหรับ Android ที่มีคุณภาพซึ่งสามารถใช้งานฟังก์ชันได้มากมาย เครื่องสแกนได้รับคะแนนสูงจากห้องปฏิบัติการทดสอบอิสระ และ Avast Mobile Security นำเสนอคุณสมบัติที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ระบบป้องกันการโจรกรรมที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามและล็อกหรือล้างข้อมูลอุปกรณ์ Android ของคุณจากระยะไกล
ชุดความปลอดภัยยังมีฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ตัวล้างขยะที่เพิ่มพื้นที่ว่างในการจัดเก็บ และ ‘เพิ่มแรม’ ที่เร่งความเร็วอุปกรณ์ของคุณ
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Avast Mobile Security:
การสแกนแอพและอัปเดตที่ติดตั้งตามเวลาจริง
ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง
ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด
ผลกระทบต่ออุปกรณ์ต่ำ
ติดตามคุณและอุปกรณ์ของคุณในแบบเรียลไทม์

7. McAfee Mobile Security

การปกป้องสูงสุดสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ McAfee Mobile Security
McAfee อีกหนึ่งชื่อที่เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมนำเสนอแอพแอนติไวรัสสำหรับ Android ที่ยอดเยี่ยม นอกจากสแกนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพแล้ว แอปเวอร์ชันฟรียังมีคุณสมบัติป้องกันการโจรกรรมและความสามารถในการติดตาม ล็อก และล้างข้อมูลอุปกรณ์ของคุณจากระยะไกล
แอพรักษาความปลอดภัยมือถือของ McAfee ยังให้คุณสแกนแอพและตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอพเหล่านั้นจะไม่รั่วไหลของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โดยจะตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi ที่คุณเชื่อมต่อในขณะที่ยังช่วยให้อุปกรณ์ของคุณทำงานได้ราบรื่นขึ้นด้วยตัวล้างพื้นที่เก็บข้อมูลและตัวเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำและแบตเตอรี่
แอปเวอร์ชันชำระเงินมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีกสองสามอย่าง เช่น การสนับสนุนทางโทรศัพท์ การป้องกันเว็บอย่างปลอดภัย และการป้องกันการท่องเว็บ
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ McAfee Mobile Security:
สแกนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติกันขโมย
ติดตาม ล็อค และล้างข้อมูลอุปกรณ์จากระยะไกล
น้ำยาทำความสะอาดที่จัดเก็บ
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำและแบตเตอรี่

8. Antivirus เฉลี่ย

AVG Antivirus เป็นแอปคุณภาพสูงที่ช่วยรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ Android ของคุณด้วยการป้องกันระดับสูง มันใช้เครื่องมือป้องกันไวรัสแบบเดียวกับ Avast ในขณะที่เสนอคุณสมบัติอื่น ๆ ในการป้องกันไวรัส คุณลักษณะป้องกันการโจรกรรมของแอปช่วยให้คุณสามารถระบุตำแหน่ง ล็อก และล้างข้อมูลโทรศัพท์ที่ถูกขโมยหรือสูญหายได้

โปรแกรมป้องกันไวรัส AVG เวอร์ชันชำระเงินมีฟีเจอร์เพิ่มเติมและขยายความสามารถในการป้องกันการโจรกรรมด้วยความสามารถสำหรับอุปกรณ์ที่จะล็อคตัวเองหากมีการเปลี่ยนซิมการ์ด เครื่องมือ Photo Vault ช่วยให้คุณรักษาความปลอดภัยของรูปภาพ และนำเสนอควบคู่ไปกับการล็อกแอป การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติม และสแกนเนอร์ Wi-Fi

แอปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยการหยุดกระบวนการที่ไม่จำเป็น ปิดการตั้งค่าการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ และลบไฟล์ขยะ

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ AVG Antiviru
เครื่องมือป้องกันไวรัสแบบเดียวกับ Avast
คุณสมบัติกันขโมย
เครื่องมือห้องนิรภัยรูปถ่าย
ล็อคแอพ
เครื่องสแกน Wi-Fi

9. เทรนด์ไมโครโมบายล์ซีเคียวริตี้

ภาพรวมซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส – Trend Micro Mobile Security สำหรับ Android
Trend Micro Mobile Security มีแอปป้องกันไวรัส Android ที่สแกนแอปใหม่เพื่อหามัลแวร์ก่อนที่จะดาวน์โหลด ในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้แอพที่ติดตั้งใหม่เข้าถึงแอพพลิเคชั่นอื่น

ตัวสแกนความเป็นส่วนตัวในตัวของแอพมีความสามารถสำหรับ Facebook ซึ่งใช้เพื่อแจ้งเตือนคุณหากโปรไฟล์ของคุณแสดงข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนซึ่งคุณอาจไม่ต้องการให้ออกไป แอพนี้มีคุณสมบัติอื่น ๆ มากมาย เช่น การป้องกันเว็บ ตัวตรวจสอบ Wi-Fi การควบคุมโดยผู้ปกครอง และความสามารถในการป้องกันการโจรกรรม

Trend Micro Mobile Security ได้ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการอิสระหลายแห่งด้วยสีสันที่สดใส ป้องกันภัยคุกคามได้ 100%

ต่อไปนี้คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Trend Micro Mobile Security

สแกนแอปใหม่เพื่อหามัลแวร์
เครื่องสแกนเฟสบุ๊ค
การป้องกันเว็บ
ตัวตรวจสอบ Wi-Fi
Pay Guard เพื่อความปลอดภัยในการธนาคารและการช้อปปิ้งออนไลน์

10. Sophos Intercept X สำหรับมือถือ

ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของรายการของเราคือ Sophos Intercept X สำหรับมือถือ ซึ่งมีแอพฟรีสำหรับ Android แอปไม่ได้ผ่านการทดสอบจากแล็บอิสระรายใหญ่ แต่ได้คะแนนเต็มสำหรับการป้องกันไวรัสในรายงานของ AV-Test

ซอฟต์แวร์จะสแกนแอปเพื่อหามัลแวร์และเนื้อหาที่เป็นอันตรายขณะที่ติดตั้ง และจะแจ้งให้คุณทราบหากข้อมูลสำคัญรั่วไหล หนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sophos คือ Secure QR Code Scanner ซึ่งจะตรวจสอบ URL เป้าหมายเพื่อหาภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสแกนรหัส QR

แอพนี้ยังมีตัวตรวจสอบสิทธิ์ที่ช่วยในการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยกับแอพที่รองรับ Google Authenticator

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Sophos Intercept X สำหรับมือถือ
สแกนหามัลแวร์เมื่อติดตั้งแอพ
แจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น
เครื่องสแกนรหัส QR ที่ปลอดภัย
Authenticator
มาตรการป้องกันการโจรกรรมมาตรฐาน

Categories
Uncategorized

โทรศัพท์เปียกฝนเราควรทำยังไงดี

โทรศัพท์เปียกฝน น้ำจะเข้าไหม ควรทำยังไงดี

โทรศัพท์เปียกฝน น้ำจะเข้าไหม ควรทำยังไงดี


ถึงแม้ว่าโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันหลาย ๆ รุ่นจะมีคุณสมบัติกันน้ำ แต่ก็มีโทรศัพท์จำนวนหนึ่งที่ยังไม่สามารถกันน้ำได้ หรืออาจจะกันได้เพียงแค่น้ำกระเด็นหกใส่ ถ้าหากทำตกน้ำเลยก็มีโอกาสเสียหาย แต่สำหรับใครที่พลาดทำโทรศัพท์เปียกฝนหรือโทรศัพท์ตกน้ำแล้วก็อย่าเพิ่งตกใจ ให้ตั้งสติแล้วทำตามวิธีที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ ซึ่งอาจจะยังสามารถช่วยชีวิตมือถือให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก แต่จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

โทรศัพท์เปียกฝน ต้องทำยังไงบ้าง

1. เช็กดูว่าเปียกแค่ไหน
โดยปกติแล้วถ้าโทรศัพท์โดนละอองฝนเพียงเล็กน้อย มักไม่น่าเป็นปัญหาอะไร โดยเฉพาะรุ่นที่มีคุณสมบัติกันน้ำกระเด็นใส่ (หรือรุ่นที่กันได้มากกว่านั้น) เพราะโอกาสที่น้ำจะเข้าเครื่องค่อนข้างต่ำ แต่ก็ควรเก็บโทรศัพท์หรือหาทางป้องกันไม่ให้โดนฝนจนเปียกไปมากกว่านี้

2. ซับให้แห้ง
เมื่อรู้ตัวว่าโทรศัพท์เปียกฝนไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ให้ใช้กระดาษหรือผ้าซับน้ำบนตัวเครื่องจนแห้งสนิท เพราะยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งมีโอกาสที่น้ำและความชื้นจะเข้าไปภายในตัวเครื่องได้มากขึ้น

3. เช็ดตามช่องพอร์ตต่าง ๆ
มีความเป็นไปได้ที่น้ำหรือละอองฝนอาจจะเข้าไปอยู่ในช่องพอร์ตต่าง ๆ ของโทรศัพท์ ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานก็อาจไม่เป็นผลดีนัก เพราะน้ำอาจจะเข้าเครื่องได้ โดยแนะนำให้ใช้ก้านสำลีอันเล็ก ๆ เช็ดน้ำที่ติดอยู่ในช่องให้แห้ง

4. ถ้าเปียกเยอะให้รีบปิดเครื่อง
ถ้าโทรศัพท์เปียกฝนหนักมากหรือทำตกน้ำจนคิดว่าเสี่ยงน้ำเข้าสุด ๆ แต่เครื่องยังไม่ดับ ให้รีบปิดเครื่องทันที เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรที่จะทำให้เมนบอร์ดช็อต หรือถ้าเป็นมือถือรุ่นเก่าๆ ที่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ก็ให้ถอดออกด้วยเลย

5. ถอดซิมและ Micro SD ออกให้หมด
เปิดฝาของช่องต่าง ๆ รอบเครื่องออก จากนั้นถอดซิมและ Micro SD ออกให้หมด เช็ดให้แห้งแล้วเก็บไว้ดี ๆ

6. ใส่ลงในถุงสุญญากาศ
ถ้าหากมีถุงสูญญากาศ ให้นำเครื่องใส่ลงไปในถุงแล้วดูดอากาศออกให้หมด น้ำที่อยู่ในเครื่องจะถูกดูดออกมาด้วย

7. รีบส่งศูนย์ซ่อมทันที
นำตัวเครื่องไปส่งศูนย์บริการหรือร้านซ่อมเพื่อทำการตรวจเช็กและไล่ความชื้น ทำให้ภายในตัวเครื่องแห้งสนิท หรือถ้าหากพบอาการเสียใด ๆ ก็ต้องทำการซ่อมต่อไป

วิธีป้องกันโทรศัพท์เปียกฝน


แน่นอนว่าป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก้ หากมีความจำเป็นต้องเดินตากฝนแบบเลี่ยงไม่ได้ ถ้าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ใช้อยู่ไม่สามารถกันน้ำได้ดี ควรมีการป้องกันด้วยการเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าหรือสิ่งที่สามารถปกป้องโทรศัพท์ไม่ให้เปียกฝนได้ อาจใส่ถุงหรือเคสกันน้ำ รวมทั้งไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาใช้งานกลางสายฝนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
ทั้งนี้ นอกจากจะระวังโทรศัพท์เปียกฝนแล้ว ควรระวังฟ้าร้องด้วย เพราะถึงแม้ว่าการเล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้องจะไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงให้โดนฟ้าผ่ามากขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่ดี เพราะการเล่นโทรศัพท์ใกล้บริเวณที่เกิดฟ้าผ่าอาจมีการเหนี่ยวนำไฟฟ้า ทำให้แบตเตอรี่เกิดการลัดวงจรและระเบิดได้ ซึ่งถือว่าอันตรายและไม่ควรทำ แม้จะไม่มากเท่าการโดนฟ้าผ่าก็ตาม ควรหลบเข้ามาใช้ในร่มหรือภายในบ้านและอาคารจะปลอดภัยกว่า แถมยังไม่เปียกฝนอีกด้วย

 

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

มือถือค้าง เราแก้ได้

มือถือค้าง เราแก้ได้ด้วยตนเอง

วิธีแก้มือถือค้าง

การแก้ไขการค้างของมือถือสามารถทำได้หลายวิธีตามสาเหตุของปัญหานั้น ดังนี้

1.การปิดและเปิดอุปกรณ์ใหม่เป็นวิธีที่ง่ายและมักจะช่วยแก้ไขปัญหาที่โทรศัพท์ค้างได้ดังนี้

ปิดโทรศัพท์: กดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าจะปิดเครื่องทั้งหมด หรือจะใช้วิธีอื่นๆ ที่ตรงกับโทรศัพท์ของคุณ

เปิดโทรศัพท์: กดปุ่ม Power อีกครั้งเพื่อเปิดเครื่อง

การปิดและเปิดใหม่ช่วยในการรีเซ็ตหน่วยประมวลผลและความจำของโทรศัพท์ ซึ่งอาจช่วยแก้ไขปัญหาการทำงานที่ช้าหรือค้างได้ เนื่องจากมันช่วยในการล้างข้อมูลที่อาจจะทำให้ระบบไม่เสถียรหรือทำงานได้ไม่สมบูรณ์

2.การปิดแอปพลิเคชันที่ใช้งานมากเกินไปหรือมีปัญหาอาจช่วยแก้ไขปัญหาการค้างของโทรศัพท์ได้ ดังนี้

วิธีปิดแอปพลิเคชัน

2.1 บน Android ใช้ปุ่ม Recent Apps (ปุ่มปุ่มสี่เหลี่ยมที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ) เพื่อเปิดรายการแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่ จากนั้นลากแอปพลิเคชันที่คุณต้องการปิดไปทางด้านขวาหรือซ้าย หรือใช้ปุ่ม “Clear All” หากต้องการปิดทุกแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่.
2.2 บน iOS กดปุ่ม Home สองครั้ง เพื่อเปิด App Switcher จากนั้นลากแอปพลิเคชันที่คุณต้องการปิดไปทางบนจอหรือใช้ปุ่ม “Close All” หากต้องการปิดทุกแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่
เปิดแอปพลิเคชันอีกครั้ง เมื่อทำการปิดแอปพลิเคชันที่เป็นปัญหาแล้ว ลองเปิดแอปพลิเคชันนั้นอีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหายังคงมีหรือไม่
การปิดและเปิดแอปพลิเคชันสามารถช่วยในการล้างแคชและรีเซ็ตการทำงานของแอปพลิเคชันที่อาจทำให้โทรศัพท์ค้างหรือช้าลงได้

3.ตรวจสอบพื้นที่ว่าง

 มือถือที่มีพื้นที่ว่างไม่เพียงพออาจทำให้ค้างได้ ให้ลองลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นหรือย้ายไปยังการจัดเก็บความจำภายนอก

4.การอัพเดทซอฟต์แวร์โทรศัพท์เป็นวิธีที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่เสถียรของระบบการทำงาน ดังนี้

4.1การแก้ไขปัญหาความไม่เสถียร ซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดมักจะมีการปรับปรุงและการแก้ไขปัญหาจากเวอร์ชันก่อนหน้าที่อาจทำให้ระบบทำงานไม่เสถียรหรือมีปัญหาบางประการ การอัพเดทซอฟต์แวร์จะช่วยปรับปรุงความเสถียรของระบบโทรศัพท์ของคุณ

4.2ความปลอดภัย การอัพเดทซอฟต์แวร์ยังช่วยป้องกันตัวโทรศัพท์ของคุณจากปัญหาความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในระบบเก่า

4.3การปรับปรุงฟีเจอร์ บางครั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ยังมีการปรับปรุงและการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่อาจช่วยให้โทรศัพท์ของคุณมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

4.4วิธีการอัพเดท คุณสามารถอัพเดทซอฟต์แวร์ได้ผ่านทางการตั้งค่า (Settings) ของโทรศัพท์ โดยจะมีตัวเลือกให้เลือกอัพเดทซอฟต์แวร์ที่มีในส่วนนี้

สรุป

นี่เป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้นในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง หากมือถือของท่านยังไม่หายค้าง ก็สามารถพาไปหาช่างหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อทำการแก้ปัญหาให้มือถือของท่านสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปกติ

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

จํานํา iCloud คืออะไร อันตรายไหม ใครคิดจะจำนำควรอ่าน !

จํานํา iCloud คืออะไร อันตรายไหม ใครคิดจะจำนำควรอ่าน

          การจํานํา iCloud คืออะไร ต่างกับการจำนำ iPhone ยังไง และมีความเสี่ยงอันตรายไหม เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจจํานํา iCloud

          ใครที่เดินผ่านร้านโทรศัพท์มือถือแล้วเจอป้ายที่บอกว่า “รับจำนำ iCloud” หรือเห็นตามเว็บไซต์ต่าง ๆ อาจจะเกิดคำถามในใจว่าการจํานํา iCloud คืออะไร มันสามารถจำนำได้ด้วยหรือ เนื่องจาก iCloud นั้นเป็นบัญชีที่ใช้สำหรับเก็บรูปภาพ ไฟล์ และข้อมูลต่าง ๆ ของอุปกรณ์ Apple ไม่ได้เป็นวัตถุที่จับต้องได้เหมือนอย่างเครื่อง iPhone แล้วจะนำไปจำนำได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากเพื่อช่วยคลายข้อสงสัยนี้กัน
 

จํานํา iCloud คืออะไร

 
          โดยทั่วไปแล้วการจำนำคือการนำสิ่งของหรือหลักทรัพย์ต่าง ๆ ไปเป็นหลักประกันของเงินที่ต้องการกู้ยืม โดยผู้รับจำนำจะเก็บไว้จนกว่าจะคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยครบ จึงจะได้หลักทรัพย์นั้น ๆ คืนมา อย่างในกรณีการจำนำ iPhone ก็จะต้องนำเครื่องไปเก็บไว้กับผู้รับจำนำด้วย แต่การจำนำ iCloud นั้นมีความต่างออกไป เนื่องจากเจ้าของเครื่องจะยังสามารถเก็บ iPhone ไว้กับตัวเองเพื่อใช้งานต่อได้
 
          การจํานํา iCloud ก็คือการที่เจ้าของเครื่องจะต้องนำบัญชี iCloud ของทางร้านมือถือหรือผู้รับจำนำมาล็อกอินไว้ในเครื่อง iPhone (หรืออุปกรณ์ Apple อื่น) ที่นำไปจำนำ หลังจากนั้นก็จะสามารถนำเครื่องมาใช้งานต่อได้ตามปกติ เมื่อมีการผ่อนจ่ายคืนจนครบจึงจะได้รหัสเพื่อนำบัญชี iCloud ของผู้รับจำนำออกจากเครื่อง แต่ถ้าหากมีการผิดนัดชำระหรือไม่จ่ายเงินคืนตามที่กำหนดไว้ ทางผู้รับจำนำก็จะสั่งล็อกเครื่อง iPhone ผ่าน iCloud เพื่อไม่ให้สามารถใช้งานต่อได้จนกว่าจะนำเงินมาจ่ายคืน ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้รับจำนำ iCloud ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน
 

จํานํา iCloud อันตรายไหม

 
          การจำนำ iCloud นั้นถือว่ามีความเสี่ยงทั้งในด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากการนำบัญชี iCloud มาล็อกอินในเครื่อง iPhone ที่ใช้งานอยู่ จะทำให้ผู้รับจำนำสามารถติดตามดูได้ว่าอยู่ที่ไหน ไปไหนมาบ้าง นอกจากนี้ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะโดนโกง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางออนไลน์) อย่างเช่น ให้ล็อกอิน iCloud ของผู้รับจำนำก่อนแต่ไม่ยอมให้เงิน หรือจ่ายคืนครบแล้วยังมีการล็อกเครื่องเพื่อเรียกค่าไถ่ในการปลดล็อก iPhone อีก เป็นต้น
 

จํานํา iCloud แก้ยังไง

 
          หากมีการนำบัญชี iCloud ของผู้รับจำนำหรือบุคคลอื่น ๆ มาล็อกอินไว้ใน iPhone ของเรา แล้วถูกเจ้าของบัญชี iCloud สั่งล็อกเครื่อง ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และไม่รู้รหัสผ่าน iCloud ก็คงจะต้องบอกว่าสามารถแก้ด้วยตัวเองได้ยากมากหรืออาจไม่สามารถแก้ได้เลย เพราะถึงแม้จะกดลืมรหัสผ่าน แต่เราก็ไม่สามารถเข้าถึงอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกไว้กับบัญชี iCloud นั้น ๆ ได้
 
          รู้ถึงความอันตรายอย่างนี้แล้ว ใครที่คิดกำลังจะนำ iPhone หรืออุปกรณ์ใด ๆ ของ Apple ไปใช้ในการจำนำ iCloud ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาถึงความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจด้วยนะครับ
 
ที่มา : https://mobile.kapook.com/view7653.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com