Categories
Uncategorized

การถนอมแบตเตอรี่มือถือ

Categories
Uncategorized

10 แอพแอนตี้ไวรัสสำหรับ iPhone

การป้องกันไวรัสและการรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ในกรณีของไอโฟน (iPhone) ซึ่งถือว่ามีระบบปฏิบัติการที่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่การใช้แอพพลิเคชั่นแอนตี้ไวรัสหรือแอพเพื่อความปลอดภัยยังคงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อความมั่นใจ แอพพลิเคชั่นเหล่านี้มักมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การปกป้องข้อมูลส่วนตัว การตรวจสอบเว็บไซต์ที่ปลอดภัย และการป้องกันการขโมยข้อมูล นี่คือ 10 แอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับไอโฟน:

1. Avast Security & Privacy

มีฟีเจอร์ในการปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยออนไลน์

การตรวจสอบเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยและป้องกันฟิชชิ่ง

2. McAfee Mobile Security

ฟีเจอร์การป้องกันการสูญหายของอุปกรณ์และการลบข้อมูลจากระยะไกล

การตรวจสอบเว็บไซต์และเครือข่ายที่ปลอดภัย

3. Norton Mobile Security

การปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูล

การตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi

4. Lookout Mobile Security

การปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการป้องกันการโจรกรรมข้อมูล

การสำรองข้อมูลและการค้นหาอุปกรณ์ที่สูญหาย

5. Trend Micro Mobile Security

ฟีเจอร์การป้องกันฟิชชิ่งและเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

การตรวจสอบความปลอดภัยของแอพพลิเคชั่นและอุปกรณ์

6. Kaspersky Security Cloud

การป้องกันฟิชชิ่งและการโจมตีออนไลน์

การตรวจสอบและปกป้องข้อมูลส่วนตัว

7. Bitdefender Mobile Security

ฟีเจอร์การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลและการตรวจสอบเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

การตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่น

8. Avira Mobile Security

การตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi และเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลและการสำรองข้อมูล

9. Sophos Intercept X for Mobile

ฟีเจอร์การป้องกันมัลแวร์และการตรวจสอบเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์

10. Webroot Mobile Security

การป้องกันฟิชชิ่งและการตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi

การปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการป้องกันการโจรกรรมข้อมูล

แอพพลิเคชั่นเหล่านี้มีฟีเจอร์ที่หลากหลายเพื่อช่วยปกป้องไอโฟนของคุณจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เลือกแอพที่ตรงกับความต้องการและการใช้งานของคุณเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของคุณปลอดภัยและได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่

Categories
Uncategorized

10 แอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Android 2024

10 แอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Android 2024

ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสไม่ได้มีไว้สำหรับคอมพิวเตอร์เท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะสมบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Android เพื่อช่วยป้องกันแอปและมัลแวร์ที่เสียหายหรือเป็นอันตราย ระบบปฏิบัติการ Android ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและติดตั้งบนอุปกรณ์หลายล้านเครื่องทั่วโลก ทำให้เป็นเป้าหมายหลักสำหรับแฮ็กเกอร์ที่เป็นอันตราย

ไม่ต้องบอกว่านั่นหมายความว่ามีไวรัส Android นับไม่ถ้วนที่สามารถส่งผลกระทบต่อโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตของคุณ และอาจทำให้อุปกรณ์เสียหายหรือถูกขโมยข้อมูลประจำตัวและข้อมูลทางการเงิน

ด้วยการติดตั้งแอปป้องกันไวรัสที่มีคุณภาพสำหรับ Android คุณสามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากการโจมตีประเภทเหล่านี้ได้ สิ่งที่ดีที่สุดในตลาดให้การปกป้องอย่างทั่วถึงในขณะที่ใช้ทรัพยากรขั้นต่ำบนอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์จะทำงานได้อย่างราบรื่น

นี่คือแอพแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด 10 อันดับสำหรับ Android:

1. โปรแกรมป้องกันไวรัส Surfshark

คุณต้องการโปรแกรมป้องกันไวรัสหรือไม่
โซลูชันที่โดดเด่นของเราคือ Surfshark Antivirus ซึ่งนำเสนอชุดรวมที่ยอดเยี่ยมในราคาที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งติดตั้งและกำหนดค่าได้ง่าย
โปรแกรมป้องกันไวรัสป้องกันไวรัสที่รู้จักและภัยคุกคามซีโร่เดย์ทั้งหมด ชุดรวมนี้ยังมี VPN เพื่อมอบความเป็นส่วนตัวอย่างสมบูรณ์ คุณสมบัติบางอย่างรวมถึง

ตรวจจับและกำจัดมัลแวร์และภัยคุกคามขั้นสูงอื่นๆ
หยุดมัลแวร์แบบเรียลไทม์ก่อนที่มันจะทำอันตรายต่ออุปกรณ์ของคุณ
ซ่อนที่อยู่ IP (Internet Protocol) และตำแหน่งทางกายภาพ (VPN) ของคุณ
แจ้งเตือนหากอีเมล รหัสผ่าน ID หรือข้อมูลธนาคารของคุณปรากฏในการละเมิด
ช่วยให้คุณสามารถค้นหาเว็บโดยไม่มีโฆษณาหรือการติดตาม
ระบบ Surfshark Cloud Protect วิเคราะห์ไฟล์ที่ไม่รู้จักเพื่อป้องกันการโจมตีซีโร่เดย์

2. Bitdefender ความปลอดภัยบนมือถือ

Bitdefender: ชุดความปลอดภัยทางไซเบอร์ยุคหน้า
อันดับต้น ๆ ของรายการของเราคือแอพความปลอดภัย Android ของ Bitfender ซึ่งมีการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ผลกระทบด้านประสิทธิภาพเล็กน้อย การรวมนาฬิกา Android Wear ตัวบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย และอื่น ๆ

หนึ่งในส่วนที่ดีที่สุดของแอพป้องกันไวรัสของ Bitdefender คือมีเครื่องมือปกป้องความเป็นส่วนตัวที่มีประสิทธิภาพ เช่น การล็อคแอพ สแกนเนอร์ Wi-Fi และคุณสมบัติป้องกันการโจรกรรม บริษัทเพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ Scam Alert ซึ่งตั้งค่าสถานะลิงก์ที่อาจเป็นอันตรายในข้อความ SMS การแจ้งเตือนบนหน้าจอ และแอพส่งข้อความ

แอพมือถือป้องกันไวรัส Android ของ Bitdefender ได้รับคะแนนเต็มในการทดสอบ AV-Test ล่าสุด AV-Comparatives ซึ่งเป็นแล็บทดสอบแอนตี้ไวรัสอิสระรายใหญ่รายอื่น สังเกตอัตราการป้องกันที่ 99.9%

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Bitdefender Mobile Security:

การป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม
ผลกระทบด้านประสิทธิภาพเล็กน้อย
การรวมนาฬิกา Android Wear
เครื่องมือป้องกันความเป็นส่วนตัว
คุณสมบัติการแจ้งเตือนการหลอกลวง

3. Webroot ความปลอดภัยบนมือถือ

แอปป้องกันไวรัสยอดนิยมอีกแอปหนึ่งสำหรับ Android คือ Mobile Security ของ Webroot ซึ่งมีโปรแกรมป้องกันไวรัสขั้นสูงสำหรับ Android และการป้องกันความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตสำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต แอปดำเนินการสแกนและอัปเดตอย่างราบรื่นโดยไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงหรือทำให้แบตเตอรี่หมด และบล็อกภัยคุกคามจากมัลแวร์มือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนที่มันจะแพร่ระบาดในโทรศัพท์ของคุณ

แอพ Android ของ Webroot ยังป้องกันการโจมตีแบบฟิชชิงหรือวิศวกรรมสังคมซึ่งกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยการป้องกันที่ครอบคลุมของ Webroot สำหรับการท่องเว็บ คุณจะได้รับการปกป้องจากการละเมิดข้อมูลประจำตัวและข้อมูลส่วนตัวของคุณ ด้วยการใช้การกรอง URL ที่เป็นกรรมสิทธิ์ Webroot จัดหมวดหมู่และกรองภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว

หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่นำเสนอโดย Webroot คือความสามารถในการเข้าถึงและล็อกอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกขโมยได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถล็อก หน้าจอ หรือล้างข้อมูลสมาร์ทโฟน Android ของคุณได้ทันทีที่มีการบุกรุก รวมทั้งระบุตำแหน่งของมันด้วย

 

โปรแกรมป้องกันไวรัส Android ขั้นสูง
การสแกนที่ไร้รอยต่อที่ง่ายดายบนโทรศัพท์
การท่องเว็บที่ปลอดภัย
ค้นหาอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกขโมย
ตรวจสอบแอปพลิเคชันและการอัปเดตทั้งหมดโดยอัตโนมัติ

4. แพนด้ารักษาความปลอดภัย

Panda Dome Premium คืออะไรและใช้อย่างไร? – การรักษาความปลอดภัยแพนด้า
Panda Security นำเสนอการป้องกันไวรัส Android ที่มีประสิทธิภาพด้วยการสแกนแอปที่ติดตั้งและการอัปเดตแอปตามเวลาจริงก่อนที่จะใช้งานครั้งแรก เช่นเดียวกับแอปป้องกันไวรัส Android ชั้นนำอื่น ๆ Panda มีผลกระทบต่ำต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ หนึ่งในคุณสมบัติพิเศษของแอพนี้คือสามารถสแกนการ์ดหน่วยความจำ SD ได้ด้วย
แอป Android ของ Panda ตรวจสอบและแสดงสิทธิ์การเข้าถึงของอุปกรณ์ของคุณ เช่น การเข้าถึงผู้ติดต่อ บัญชี รูปภาพ สถานที่ และอื่นๆ ซึ่งช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าต้องการเก็บหรือลบแอปใด
แอพนี้ยังปรับอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้เหมาะสมด้วยการตรวจสอบการใช้หน่วยความจำของแอพที่ติดตั้ง โดยจะหยุดการประมวลผลของแอปเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์และยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานที่สุด
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Panda
การสแกนแอพและอัปเดตที่ติดตั้งตามเวลาจริง
ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง
ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด
ผลกระทบต่ออุปกรณ์ต่ำ
ติดตามคุณและอุปกรณ์ของคุณในแบบเรียลไทม์

5. Norton 360

ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Norton 360 บนอุปกรณ์ Android
Norton Mobile Security เป็นหนึ่งในชื่อที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม นำเสนอการป้องกันมัลแวร์ที่ดีที่สุดสำหรับ Android ในตลาด ประกอบด้วยคุณลักษณะต่างๆ มากมาย เช่น App Advisor ที่ตรวจสอบแอปเพื่อหาความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวหรือพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

แอปได้รับคะแนนสูงสุดในด้านการป้องกันโปรแกรมป้องกันไวรัส และคุณจะได้พบกับฟีเจอร์อื่นๆ มากมาย เช่น การบล็อกการโทรเพื่อป้องกันการโทรสแปม และการรักษาความปลอดภัย WiFi เพื่อช่วยป้องกันคุณจากการเชื่อมต่อกับเครือข่ายไร้สายที่ไม่ปลอดภัย
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Panda:
ตัวตรวจสอบแอป
ตัวบล็อกการโทรสแปม
การป้องกันระดับสูง
ความปลอดภัย WiFi

6. Avast Mobile Security

อีกหนึ่งชื่อใหญ่ในอุตสาหกรรม Avast นำเสนอแอปป้องกันไวรัสสำหรับ Android ที่มีคุณภาพซึ่งสามารถใช้งานฟังก์ชันได้มากมาย เครื่องสแกนได้รับคะแนนสูงจากห้องปฏิบัติการทดสอบอิสระ และ Avast Mobile Security นำเสนอคุณสมบัติที่น่าประทับใจมากมาย เช่น ระบบป้องกันการโจรกรรมที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามและล็อกหรือล้างข้อมูลอุปกรณ์ Android ของคุณจากระยะไกล
ชุดความปลอดภัยยังมีฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ตัวล้างขยะที่เพิ่มพื้นที่ว่างในการจัดเก็บ และ ‘เพิ่มแรม’ ที่เร่งความเร็วอุปกรณ์ของคุณ
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Avast Mobile Security:
การสแกนแอพและอัปเดตที่ติดตั้งตามเวลาจริง
ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง
ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด
ผลกระทบต่ออุปกรณ์ต่ำ
ติดตามคุณและอุปกรณ์ของคุณในแบบเรียลไทม์

7. McAfee Mobile Security

การปกป้องสูงสุดสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ McAfee Mobile Security
McAfee อีกหนึ่งชื่อที่เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมนำเสนอแอพแอนติไวรัสสำหรับ Android ที่ยอดเยี่ยม นอกจากสแกนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพแล้ว แอปเวอร์ชันฟรียังมีคุณสมบัติป้องกันการโจรกรรมและความสามารถในการติดตาม ล็อก และล้างข้อมูลอุปกรณ์ของคุณจากระยะไกล
แอพรักษาความปลอดภัยมือถือของ McAfee ยังให้คุณสแกนแอพและตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอพเหล่านั้นจะไม่รั่วไหลของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน โดยจะตรวจสอบความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi ที่คุณเชื่อมต่อในขณะที่ยังช่วยให้อุปกรณ์ของคุณทำงานได้ราบรื่นขึ้นด้วยตัวล้างพื้นที่เก็บข้อมูลและตัวเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำและแบตเตอรี่
แอปเวอร์ชันชำระเงินมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีกสองสามอย่าง เช่น การสนับสนุนทางโทรศัพท์ การป้องกันเว็บอย่างปลอดภัย และการป้องกันการท่องเว็บ
นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ McAfee Mobile Security:
สแกนเนอร์ที่มีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติกันขโมย
ติดตาม ล็อค และล้างข้อมูลอุปกรณ์จากระยะไกล
น้ำยาทำความสะอาดที่จัดเก็บ
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำและแบตเตอรี่

8. Antivirus เฉลี่ย

AVG Antivirus เป็นแอปคุณภาพสูงที่ช่วยรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ Android ของคุณด้วยการป้องกันระดับสูง มันใช้เครื่องมือป้องกันไวรัสแบบเดียวกับ Avast ในขณะที่เสนอคุณสมบัติอื่น ๆ ในการป้องกันไวรัส คุณลักษณะป้องกันการโจรกรรมของแอปช่วยให้คุณสามารถระบุตำแหน่ง ล็อก และล้างข้อมูลโทรศัพท์ที่ถูกขโมยหรือสูญหายได้

โปรแกรมป้องกันไวรัส AVG เวอร์ชันชำระเงินมีฟีเจอร์เพิ่มเติมและขยายความสามารถในการป้องกันการโจรกรรมด้วยความสามารถสำหรับอุปกรณ์ที่จะล็อคตัวเองหากมีการเปลี่ยนซิมการ์ด เครื่องมือ Photo Vault ช่วยให้คุณรักษาความปลอดภัยของรูปภาพ และนำเสนอควบคู่ไปกับการล็อกแอป การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพิ่มเติม และสแกนเนอร์ Wi-Fi

แอปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยการหยุดกระบวนการที่ไม่จำเป็น ปิดการตั้งค่าการสิ้นเปลืองแบตเตอรี่ และลบไฟล์ขยะ

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ AVG Antiviru
เครื่องมือป้องกันไวรัสแบบเดียวกับ Avast
คุณสมบัติกันขโมย
เครื่องมือห้องนิรภัยรูปถ่าย
ล็อคแอพ
เครื่องสแกน Wi-Fi

9. เทรนด์ไมโครโมบายล์ซีเคียวริตี้

ภาพรวมซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส – Trend Micro Mobile Security สำหรับ Android
Trend Micro Mobile Security มีแอปป้องกันไวรัส Android ที่สแกนแอปใหม่เพื่อหามัลแวร์ก่อนที่จะดาวน์โหลด ในขณะเดียวกันก็ป้องกันไม่ให้แอพที่ติดตั้งใหม่เข้าถึงแอพพลิเคชั่นอื่น

ตัวสแกนความเป็นส่วนตัวในตัวของแอพมีความสามารถสำหรับ Facebook ซึ่งใช้เพื่อแจ้งเตือนคุณหากโปรไฟล์ของคุณแสดงข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนซึ่งคุณอาจไม่ต้องการให้ออกไป แอพนี้มีคุณสมบัติอื่น ๆ มากมาย เช่น การป้องกันเว็บ ตัวตรวจสอบ Wi-Fi การควบคุมโดยผู้ปกครอง และความสามารถในการป้องกันการโจรกรรม

Trend Micro Mobile Security ได้ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการอิสระหลายแห่งด้วยสีสันที่สดใส ป้องกันภัยคุกคามได้ 100%

ต่อไปนี้คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Trend Micro Mobile Security

สแกนแอปใหม่เพื่อหามัลแวร์
เครื่องสแกนเฟสบุ๊ค
การป้องกันเว็บ
ตัวตรวจสอบ Wi-Fi
Pay Guard เพื่อความปลอดภัยในการธนาคารและการช้อปปิ้งออนไลน์

10. Sophos Intercept X สำหรับมือถือ

ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของรายการของเราคือ Sophos Intercept X สำหรับมือถือ ซึ่งมีแอพฟรีสำหรับ Android แอปไม่ได้ผ่านการทดสอบจากแล็บอิสระรายใหญ่ แต่ได้คะแนนเต็มสำหรับการป้องกันไวรัสในรายงานของ AV-Test

ซอฟต์แวร์จะสแกนแอปเพื่อหามัลแวร์และเนื้อหาที่เป็นอันตรายขณะที่ติดตั้ง และจะแจ้งให้คุณทราบหากข้อมูลสำคัญรั่วไหล หนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของ Sophos คือ Secure QR Code Scanner ซึ่งจะตรวจสอบ URL เป้าหมายเพื่อหาภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นเมื่อสแกนรหัส QR

แอพนี้ยังมีตัวตรวจสอบสิทธิ์ที่ช่วยในการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยกับแอพที่รองรับ Google Authenticator

นี่คือคุณสมบัติหลักบางประการของ Sophos Intercept X สำหรับมือถือ
สแกนหามัลแวร์เมื่อติดตั้งแอพ
แจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น
เครื่องสแกนรหัส QR ที่ปลอดภัย
Authenticator
มาตรการป้องกันการโจรกรรมมาตรฐาน

Categories
Uncategorized

โทรศัพท์เปียกฝนเราควรทำยังไงดี

โทรศัพท์เปียกฝน น้ำจะเข้าไหม ควรทำยังไงดี

โทรศัพท์เปียกฝน น้ำจะเข้าไหม ควรทำยังไงดี


ถึงแม้ว่าโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันหลาย ๆ รุ่นจะมีคุณสมบัติกันน้ำ แต่ก็มีโทรศัพท์จำนวนหนึ่งที่ยังไม่สามารถกันน้ำได้ หรืออาจจะกันได้เพียงแค่น้ำกระเด็นหกใส่ ถ้าหากทำตกน้ำเลยก็มีโอกาสเสียหาย แต่สำหรับใครที่พลาดทำโทรศัพท์เปียกฝนหรือโทรศัพท์ตกน้ำแล้วก็อย่าเพิ่งตกใจ ให้ตั้งสติแล้วทำตามวิธีที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ ซึ่งอาจจะยังสามารถช่วยชีวิตมือถือให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีก แต่จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

โทรศัพท์เปียกฝน ต้องทำยังไงบ้าง

1. เช็กดูว่าเปียกแค่ไหน
โดยปกติแล้วถ้าโทรศัพท์โดนละอองฝนเพียงเล็กน้อย มักไม่น่าเป็นปัญหาอะไร โดยเฉพาะรุ่นที่มีคุณสมบัติกันน้ำกระเด็นใส่ (หรือรุ่นที่กันได้มากกว่านั้น) เพราะโอกาสที่น้ำจะเข้าเครื่องค่อนข้างต่ำ แต่ก็ควรเก็บโทรศัพท์หรือหาทางป้องกันไม่ให้โดนฝนจนเปียกไปมากกว่านี้

2. ซับให้แห้ง
เมื่อรู้ตัวว่าโทรศัพท์เปียกฝนไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม ให้ใช้กระดาษหรือผ้าซับน้ำบนตัวเครื่องจนแห้งสนิท เพราะยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งมีโอกาสที่น้ำและความชื้นจะเข้าไปภายในตัวเครื่องได้มากขึ้น

3. เช็ดตามช่องพอร์ตต่าง ๆ
มีความเป็นไปได้ที่น้ำหรือละอองฝนอาจจะเข้าไปอยู่ในช่องพอร์ตต่าง ๆ ของโทรศัพท์ ซึ่งถ้าปล่อยไว้นานก็อาจไม่เป็นผลดีนัก เพราะน้ำอาจจะเข้าเครื่องได้ โดยแนะนำให้ใช้ก้านสำลีอันเล็ก ๆ เช็ดน้ำที่ติดอยู่ในช่องให้แห้ง

4. ถ้าเปียกเยอะให้รีบปิดเครื่อง
ถ้าโทรศัพท์เปียกฝนหนักมากหรือทำตกน้ำจนคิดว่าเสี่ยงน้ำเข้าสุด ๆ แต่เครื่องยังไม่ดับ ให้รีบปิดเครื่องทันที เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรที่จะทำให้เมนบอร์ดช็อต หรือถ้าเป็นมือถือรุ่นเก่าๆ ที่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ก็ให้ถอดออกด้วยเลย

5. ถอดซิมและ Micro SD ออกให้หมด
เปิดฝาของช่องต่าง ๆ รอบเครื่องออก จากนั้นถอดซิมและ Micro SD ออกให้หมด เช็ดให้แห้งแล้วเก็บไว้ดี ๆ

6. ใส่ลงในถุงสุญญากาศ
ถ้าหากมีถุงสูญญากาศ ให้นำเครื่องใส่ลงไปในถุงแล้วดูดอากาศออกให้หมด น้ำที่อยู่ในเครื่องจะถูกดูดออกมาด้วย

7. รีบส่งศูนย์ซ่อมทันที
นำตัวเครื่องไปส่งศูนย์บริการหรือร้านซ่อมเพื่อทำการตรวจเช็กและไล่ความชื้น ทำให้ภายในตัวเครื่องแห้งสนิท หรือถ้าหากพบอาการเสียใด ๆ ก็ต้องทำการซ่อมต่อไป

วิธีป้องกันโทรศัพท์เปียกฝน


แน่นอนว่าป้องกันไว้ก่อนย่อมดีกว่าแก้ หากมีความจำเป็นต้องเดินตากฝนแบบเลี่ยงไม่ได้ ถ้าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ใช้อยู่ไม่สามารถกันน้ำได้ดี ควรมีการป้องกันด้วยการเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าหรือสิ่งที่สามารถปกป้องโทรศัพท์ไม่ให้เปียกฝนได้ อาจใส่ถุงหรือเคสกันน้ำ รวมทั้งไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาใช้งานกลางสายฝนถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
ทั้งนี้ นอกจากจะระวังโทรศัพท์เปียกฝนแล้ว ควรระวังฟ้าร้องด้วย เพราะถึงแม้ว่าการเล่นโทรศัพท์ตอนฟ้าร้องจะไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงให้โดนฟ้าผ่ามากขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอยู่ดี เพราะการเล่นโทรศัพท์ใกล้บริเวณที่เกิดฟ้าผ่าอาจมีการเหนี่ยวนำไฟฟ้า ทำให้แบตเตอรี่เกิดการลัดวงจรและระเบิดได้ ซึ่งถือว่าอันตรายและไม่ควรทำ แม้จะไม่มากเท่าการโดนฟ้าผ่าก็ตาม ควรหลบเข้ามาใช้ในร่มหรือภายในบ้านและอาคารจะปลอดภัยกว่า แถมยังไม่เปียกฝนอีกด้วย

 

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

มือถือค้าง เราแก้ได้

มือถือค้าง เราแก้ได้ด้วยตนเอง

วิธีแก้มือถือค้าง

การแก้ไขการค้างของมือถือสามารถทำได้หลายวิธีตามสาเหตุของปัญหานั้น ดังนี้

1.การปิดและเปิดอุปกรณ์ใหม่เป็นวิธีที่ง่ายและมักจะช่วยแก้ไขปัญหาที่โทรศัพท์ค้างได้ดังนี้

ปิดโทรศัพท์: กดปุ่ม Power ค้างไว้จนกว่าจะปิดเครื่องทั้งหมด หรือจะใช้วิธีอื่นๆ ที่ตรงกับโทรศัพท์ของคุณ

เปิดโทรศัพท์: กดปุ่ม Power อีกครั้งเพื่อเปิดเครื่อง

การปิดและเปิดใหม่ช่วยในการรีเซ็ตหน่วยประมวลผลและความจำของโทรศัพท์ ซึ่งอาจช่วยแก้ไขปัญหาการทำงานที่ช้าหรือค้างได้ เนื่องจากมันช่วยในการล้างข้อมูลที่อาจจะทำให้ระบบไม่เสถียรหรือทำงานได้ไม่สมบูรณ์

2.การปิดแอปพลิเคชันที่ใช้งานมากเกินไปหรือมีปัญหาอาจช่วยแก้ไขปัญหาการค้างของโทรศัพท์ได้ ดังนี้

วิธีปิดแอปพลิเคชัน

2.1 บน Android ใช้ปุ่ม Recent Apps (ปุ่มปุ่มสี่เหลี่ยมที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ) เพื่อเปิดรายการแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่ จากนั้นลากแอปพลิเคชันที่คุณต้องการปิดไปทางด้านขวาหรือซ้าย หรือใช้ปุ่ม “Clear All” หากต้องการปิดทุกแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่.
2.2 บน iOS กดปุ่ม Home สองครั้ง เพื่อเปิด App Switcher จากนั้นลากแอปพลิเคชันที่คุณต้องการปิดไปทางบนจอหรือใช้ปุ่ม “Close All” หากต้องการปิดทุกแอปพลิเคชันที่เปิดอยู่
เปิดแอปพลิเคชันอีกครั้ง เมื่อทำการปิดแอปพลิเคชันที่เป็นปัญหาแล้ว ลองเปิดแอปพลิเคชันนั้นอีกครั้งเพื่อดูว่าปัญหายังคงมีหรือไม่
การปิดและเปิดแอปพลิเคชันสามารถช่วยในการล้างแคชและรีเซ็ตการทำงานของแอปพลิเคชันที่อาจทำให้โทรศัพท์ค้างหรือช้าลงได้

3.ตรวจสอบพื้นที่ว่าง

 มือถือที่มีพื้นที่ว่างไม่เพียงพออาจทำให้ค้างได้ ให้ลองลบไฟล์ที่ไม่จำเป็นหรือย้ายไปยังการจัดเก็บความจำภายนอก

4.การอัพเดทซอฟต์แวร์โทรศัพท์เป็นวิธีที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่เสถียรของระบบการทำงาน ดังนี้

4.1การแก้ไขปัญหาความไม่เสถียร ซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุดมักจะมีการปรับปรุงและการแก้ไขปัญหาจากเวอร์ชันก่อนหน้าที่อาจทำให้ระบบทำงานไม่เสถียรหรือมีปัญหาบางประการ การอัพเดทซอฟต์แวร์จะช่วยปรับปรุงความเสถียรของระบบโทรศัพท์ของคุณ

4.2ความปลอดภัย การอัพเดทซอฟต์แวร์ยังช่วยป้องกันตัวโทรศัพท์ของคุณจากปัญหาความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นจากช่องโหว่ในระบบเก่า

4.3การปรับปรุงฟีเจอร์ บางครั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่ยังมีการปรับปรุงและการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่อาจช่วยให้โทรศัพท์ของคุณมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

4.4วิธีการอัพเดท คุณสามารถอัพเดทซอฟต์แวร์ได้ผ่านทางการตั้งค่า (Settings) ของโทรศัพท์ โดยจะมีตัวเลือกให้เลือกอัพเดทซอฟต์แวร์ที่มีในส่วนนี้

สรุป

นี่เป็นเพียงขั้นตอนเบื้องต้นในการแก้ปัญหาด้วยตนเอง หากมือถือของท่านยังไม่หายค้าง ก็สามารถพาไปหาช่างหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อทำการแก้ปัญหาให้มือถือของท่านสามารถกลับมาใช้งานได้อย่างปกติ

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

จํานํา iCloud คืออะไร อันตรายไหม ใครคิดจะจำนำควรอ่าน !

จํานํา iCloud คืออะไร อันตรายไหม ใครคิดจะจำนำควรอ่าน

          การจํานํา iCloud คืออะไร ต่างกับการจำนำ iPhone ยังไง และมีความเสี่ยงอันตรายไหม เรื่องที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจจํานํา iCloud

          ใครที่เดินผ่านร้านโทรศัพท์มือถือแล้วเจอป้ายที่บอกว่า “รับจำนำ iCloud” หรือเห็นตามเว็บไซต์ต่าง ๆ อาจจะเกิดคำถามในใจว่าการจํานํา iCloud คืออะไร มันสามารถจำนำได้ด้วยหรือ เนื่องจาก iCloud นั้นเป็นบัญชีที่ใช้สำหรับเก็บรูปภาพ ไฟล์ และข้อมูลต่าง ๆ ของอุปกรณ์ Apple ไม่ได้เป็นวัตถุที่จับต้องได้เหมือนอย่างเครื่อง iPhone แล้วจะนำไปจำนำได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากเพื่อช่วยคลายข้อสงสัยนี้กัน
 

จํานํา iCloud คืออะไร

 
          โดยทั่วไปแล้วการจำนำคือการนำสิ่งของหรือหลักทรัพย์ต่าง ๆ ไปเป็นหลักประกันของเงินที่ต้องการกู้ยืม โดยผู้รับจำนำจะเก็บไว้จนกว่าจะคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยครบ จึงจะได้หลักทรัพย์นั้น ๆ คืนมา อย่างในกรณีการจำนำ iPhone ก็จะต้องนำเครื่องไปเก็บไว้กับผู้รับจำนำด้วย แต่การจำนำ iCloud นั้นมีความต่างออกไป เนื่องจากเจ้าของเครื่องจะยังสามารถเก็บ iPhone ไว้กับตัวเองเพื่อใช้งานต่อได้
 
          การจํานํา iCloud ก็คือการที่เจ้าของเครื่องจะต้องนำบัญชี iCloud ของทางร้านมือถือหรือผู้รับจำนำมาล็อกอินไว้ในเครื่อง iPhone (หรืออุปกรณ์ Apple อื่น) ที่นำไปจำนำ หลังจากนั้นก็จะสามารถนำเครื่องมาใช้งานต่อได้ตามปกติ เมื่อมีการผ่อนจ่ายคืนจนครบจึงจะได้รหัสเพื่อนำบัญชี iCloud ของผู้รับจำนำออกจากเครื่อง แต่ถ้าหากมีการผิดนัดชำระหรือไม่จ่ายเงินคืนตามที่กำหนดไว้ ทางผู้รับจำนำก็จะสั่งล็อกเครื่อง iPhone ผ่าน iCloud เพื่อไม่ให้สามารถใช้งานต่อได้จนกว่าจะนำเงินมาจ่ายคืน ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้รับจำนำ iCloud ผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยเช่นกัน
 

จํานํา iCloud อันตรายไหม

 
          การจำนำ iCloud นั้นถือว่ามีความเสี่ยงทั้งในด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากการนำบัญชี iCloud มาล็อกอินในเครื่อง iPhone ที่ใช้งานอยู่ จะทำให้ผู้รับจำนำสามารถติดตามดูได้ว่าอยู่ที่ไหน ไปไหนมาบ้าง นอกจากนี้ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะโดนโกง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางออนไลน์) อย่างเช่น ให้ล็อกอิน iCloud ของผู้รับจำนำก่อนแต่ไม่ยอมให้เงิน หรือจ่ายคืนครบแล้วยังมีการล็อกเครื่องเพื่อเรียกค่าไถ่ในการปลดล็อก iPhone อีก เป็นต้น
 

จํานํา iCloud แก้ยังไง

 
          หากมีการนำบัญชี iCloud ของผู้รับจำนำหรือบุคคลอื่น ๆ มาล็อกอินไว้ใน iPhone ของเรา แล้วถูกเจ้าของบัญชี iCloud สั่งล็อกเครื่อง ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ และไม่รู้รหัสผ่าน iCloud ก็คงจะต้องบอกว่าสามารถแก้ด้วยตัวเองได้ยากมากหรืออาจไม่สามารถแก้ได้เลย เพราะถึงแม้จะกดลืมรหัสผ่าน แต่เราก็ไม่สามารถเข้าถึงอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกไว้กับบัญชี iCloud นั้น ๆ ได้
 
          รู้ถึงความอันตรายอย่างนี้แล้ว ใครที่คิดกำลังจะนำ iPhone หรืออุปกรณ์ใด ๆ ของ Apple ไปใช้ในการจำนำ iCloud ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาถึงความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจด้วยนะครับ
 
ที่มา : https://mobile.kapook.com/view7653.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

น้ำเข้าโทรศัพท์ วิธีแก้ให้ทำแบบนี้ !

น้ำเข้าโทรศัพท์ วิธีแก้ให้ทำแบบนี้

          น้ำเข้าโทรศัพท์ วิธีแก้ต้องทำยังไงเพื่อไม่ให้โทรศัพท์มือถือเกิดความเสียหาย น้ำเข้าโทรศัพท์หน้าจอลายซ่อมได้ไหม ที่นี่มีคำตอบ

          หากว่าใครไม่ได้ใช้โทรศัพท์กันน้ำที่มีคุณสมบัติสามารถกันน้ำได้ดี หรืออาจกันได้เพียงแค่น้ำกระเด็นหกใส่ ก็มีโอกาสที่น้ำจะเข้าโทรศัพท์มือถือจนเกิดความเสียหายได้ ซึ่งหากใครทำน้ำเข้าโทรศัพท์แล้ว แต่ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้โทรศัพท์เสียหายและกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม วันนี้เรามีวิธีแก้ต่าง ๆ มาแนะนำกัน
 

น้ำเข้าโทรศัพท์ วิธีแก้ทำยังไงบ้าง

 

1. ปิดเครื่องทันที

 
          ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่โทรศัพท์เครื่องจะดับเมื่อมีน้ำเข้า แต่ถ้าหากรู้ว่าน้ำเข้าแล้วเครื่องยังไม่ดับ แนะนำให้รีบปิดเครื่องทันที เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้แผงวงจรภายในช็อต ส่วนใครที่ใช้โทรศัพท์รุ่นที่สามารถถอดแบตเตอรี่ได้ก็ควรถอดแบตเตอรี่ออกด้วย
 

2. ถอดซิมและ microSD ออก

 
          เปิดฝาช่องใส่ซิมแล้วถอดซิมออกมาจากตัวเครื่อง นำไปเช็ดให้แห้งแล้วเก็บไว้ให้ดี อย่าทำหาย หากเป็นโทรศัพท์ที่สามารถใส่ microSD ได้ก็ให้ถอด microSD ออกด้วย นอกจากนี้ถ้าหากตัวเครื่องมีส่วนอื่นที่สามารถเปิดได้อย่างเช่นฝาปิดพอร์ตต่าง ๆ ก็ให้เปิดทิ้งไว้ด้วย

น้ำเข้าโทรศัพท์
 

3. ใส่โทรศัพท์ในถุงสุญญากาศ

 
          ถ้าหากมีถุงสุญญากาศ ให้นำเครื่องโทรศัพท์ที่น้ำเข้าใส่ลงไปในถุงแล้วดูดอากาศออกให้หมด เพื่อให้น้ำที่ขังอยู่ในเครื่องถูกดูดออกมาด้วย
 

4. นำไปส่งศูนย์ซ่อม

 
          โดยทั่วไปหากน้ำภายในตัวเครื่องแห้งหมดแล้วก็จะสามารถเปิดเครื่องใช้งานได้ตามปกติ แต่เนื่องจากเราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าน้ำแห้งหมดหรือยัง หากเสี่ยงเปิดเครื่องทั้งที่ยังมีความชื้นหรือน้ำขังภายในตัวเครื่องอยู่อาจทำให้เครื่องเสียหายได้ เพราะฉะนั้นจึงควรนำโทรศัพท์ไปส่งศูนย์บริการหรือร้านซ่อมเพื่อทำการตรวจเช็กและทำให้ภายในตัวเครื่องแห้งสนิทเสียก่อน หรือถ้าหากตรวจพบอาการเสียใด ๆ ก็จะได้ดำเนินการซ่อมต่อไป
 

น้ำเข้าโทรศัพท์หน้าจอลาย ทำยังไงดี

 
          ปัญหาโทรศัพท์หน้าจอลายนั้นถือเป็นอีกหนึ่งอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หากมีน้ำเข้าเครื่อง ซึ่งในกรณีที่หน้าจอยังไม่เกิดความเสียหาย การใช้วิธีตามหัวข้อด้านบนเพื่อทำให้ภายในตัวเครื่องโทรศัพท์แห้งก็อาจสามารถแก้ปัญหาโทรศัพท์หน้าจอลายให้หายไปได้ แต่ในกรณีที่หน้าจอเกิดความเสียหายหรือหน้าจอยังคงลายอยู่แม้ว่าน้ำจะแห้งสนิทแล้ว อาจจำเป็นต้องลงเอยด้วยการเปลี่ยนหน้าจอใหม่
 

น้ำเข้าโทรศัพท์ซ่อมกี่บาท

 
          หากน้ำเข้าโทรศัพท์แล้วปิดเครื่องไม่ทันจนเครื่องดับไปเอง หรือเผลอเปิดเครื่องในขณะเครื่องยังเปียกน้ำอยู่ อาจทำให้แผงวงจรข้างในเกิดการช็อต จำเป็นต้องซ่อมได้ด้วยการเปลี่ยนบอร์ดหรือหน้าจอ ซึ่งมีค่าซ่อมที่ค่อนข้างสูง หรืออาจเกือบเท่าราคาซื้อเครื่องใหม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องที่ประกันยังไม่หมดก็จะต้องเสียค่าซ่อมอยู่ดี เนื่องจากอาการเสียที่เกิดจากน้ำเข้าโทรศัพท์นั้นไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน นอกเสียจากว่าบอร์ดยังไม่ช็อต สามารถเปิดเครื่องใช้งานได้อยู่ แต่เจอปัญหาเพียงเล็กน้อย เช่น หน้าจอลาย ช่องหูฟังเปียก ขึ้นรูปหูฟังค้าง สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการทำให้แห้ง เป็นต้น
 
          อย่างไรก็ตาม การหาทางป้องกันไม่ให้น้ำเข้าโทรศัพท์ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าหากว่ามีกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ เที่ยวทะเล หรือเล่นสงกรานต์ ถ้าโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ใช้อยู่ไม่มีคุณสมบัติกันน้ำ หรือไม่สามารถกันน้ำได้ดีนัก ก็ควรป้องกันไว้ก่อนด้วยการนำโทรศัพท์ใส่ถุงหรือเคสกันน้ำนะครับ
Cr. https://mobile.kapook.com/view7632.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

วิธีชาร์จแบตเตอรี่มือถือกับ 5 เรื่องจริงที่คุณควรรู้

วิธีชาร์จแบตเตอรี่มือถือกับ 5 เรื่องจริงที่คุณควรรู้

วิธีชาร์จแบตเตอรี่มือถือที่ถูกต้อง กับ 5 เรื่องจริงที่คุณควรรู้ ใช้งานและชาร์จมือถือยังไงไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป มีวิธีป้องกันมือถือแบตฯ เสื่อมก่อนเวลาอันควรได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลย

         ถึงแม้ว่าปัจจุบันแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือจะพัฒนาให้มีความจุที่สูงขึ้น ใช้ได้นานขึ้น รวมทั้งระบบชาร์จเร็วที่ทำให้ไม่ต้องใช้เวลาชาร์จนานเป็นชั่วโมงเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพ ผู้ใช้ก็ต้องเจอกับปัญหาแบตเตอรี่หมดไวอยู่ดี แม้จะมีตัวช่วยอย่าง Power Bank ก็ตาม และก็อาจจะยังไม่อยากซื้อมือถือใหม่ ซึ่งหลายคนคงมีข้อสงสัยว่า ตัวเองใช้มือถือและชาร์จแบตเตอรี่อย่างถูกวิธีแล้วหรือยัง เพราะถ้าหากใช้จากความเข้าใจผิด ๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นได้ วันนี้เราจึงจะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการชาร์จแบตเตอรี่ที่ถูกต้องกัน

5 เรื่องจริงเกี่ยวกับวิธีชาร์จแบตเตอรี่มือถือ
 

1. ฟีเจอร์ชาร์จเร็วไม่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม

           มือถือส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักรองรับการชาร์จเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยในบางรุ่นสามารถชาร์จได้สูงสุดเกิน 100W เลยทีเดียว แต่หลายคนก็อาจกังวลว่าการชาร์จแบบนี้จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นหรือไม่ เพราะต้องอัดกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตฯ มือถืออย่างรวดเร็ว ซึ่งความจริงมือถือที่รองรับส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้อยู่แล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่าจะกระทบต่ออายุของแบตเตอรี่เลย

           หลักการชาร์จแบตเตอรี่เร็วจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรกจะอัดแรงดันไฟฟ้าแบบเต็มที่ อย่างที่คำเคลมของหลายแบรนด์กล่าวไว้ว่า ชาร์จได้ 50-70% ภายใน 30-40 นาที แต่หลังจากนั้นระยะเวลาการชาร์จจะเริ่มช้าลงเพื่อช่วยถนอมแบตเตอรี่ ส่วนใครที่จับตัวเครื่องขณะชาร์จแล้วรู้สึกว่าอุ่นหรือร้อนก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะยังอยู่ในการชาร์จช่วงแรกที่ต้องอัดกระแสไฟเข้าอย่างรวดเร็วนั่นเอง

2. แบตเตอรี่ไม่สามารถชาร์จไฟเกิน 100% ได้

           ใครที่ชอบชาร์จแบตฯ มือถือทิ้งไว้ แต่กังวลว่ามันจะชาร์จไฟเกินหลังจากเต็ม 100% แล้วหรือไม่ ขอให้สบายใจได้เลย เพราะเมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จเต็ม 100% ระบบจะตัดการทำงานทันที ดังนั้นจะไม่เกิดปัญหาชาร์จไฟเกินความจุแบตเตอรี่แน่นอน นอกเสียจากว่าแบตเตอรี่ก้อนนั้นจะมีปัญหาเรื่องวงจรภายใน อย่างไรก็ตาม การชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้ 80% แล้วถอดออก จะช่วยถนอมแบตเตอรี่ได้มากกว่าการชาร์จจนเต็ม 100% แล้วเสียบทิ้งไว้ แต่มือถือในปัจจุบันหลายรุ่นก็มีฟีเจอร์ที่สามารถกำหนดเวลาให้ชาร์จเต็มในช่วงเวลาที่ผู้ใช้มักจะถอดสายชาร์จออกพอดีด้วยเช่นกัน

3. อย่าปล่อยแบตเตอรี่ให้หมดเกลี้ยง 0%

           หลายคนอาจจะเคยใช้มือถือจนแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเหลือ 0% หรือปล่อยให้เครื่องดับเองบ่อย ๆ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นและไม่ควรทำ โดยมือถือบางรุ่นจะดับเครื่องทันทีเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อแบตเตอรี่ แต่แนะนำว่าควรชาร์จแบตเตอรี่เมื่อเหลือระดับต่ำกว่า 30% จะดีกว่า

แบตเตอรี่มือถือ

4. แบตเตอรี่เสียหายได้ หากอยู่ในที่อากาศร้อน

           การปล่อยให้แบตเตอรี่มือถืออยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ฉะนั้นจึงไม่ควรใช้หรือเก็บมือถือในที่อากาศร้อนจัด เช่น ในรถยนต์ กลางแดดจ้า ริมหน้าต่างที่แสงแดดส่องถึง แต่ด้วยสภาพอากาศประเทศไทยที่ร้อนตลอดทั้งปี ถ้าเป็นไปได้ควรเลี่ยงการใช้งานมือถือกลางแดดหรือท่ามกลางอากาศร้อนนานเกินไป

วิธีชาร์จแบตเตอรี่

5. ใช้ที่ชาร์จยี่ห้ออื่น ไม่เป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่

           แน่นอนว่าการใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่ที่แถมมาในกล่องมือถือตอนซื้อย่อมดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าเปลี่ยนไปใช้หัวชาร์จหรือสายชาร์จยี่ห้ออื่นที่รองรับก็ไม่เกิดผลเสียหรืออันตรายต่อแบตเตอรี่แต่อย่างใด นอกเสียจากว่าจะเป็นที่ชาร์จที่ผลิตมาไม่ได้มาตรฐานหรือมีความเสียหาย เพียงแต่ระยะเวลาการชาร์จอาจจะอยู่ในระดับปกติหรือช้าลงบ้างสำหรับมือถือที่รองรับการชาร์จเร็ว

แล้วจะประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้อย่างไรบ้าง ?

           สำหรับวิธียืดระยะเวลาการใช้งานมือถือไม่ให้แบตเตอรี่หมดเร็วนั้นไม่ยากเลย สามารถทำได้หลายอย่าง เช่น ปรับลดแสงหน้าจอ, ปิดการค้นหาสัญญาณ Wi-Fi / Bluetooth / GPS เมื่อไม่ได้ใช้งาน, เปิดโหมดประหยัดพลังงานเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็จะช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้น แถมยังช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นอีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่มือถือมีอายุการใช้งานของมันที่จะต้องเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งส่วนมากแบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมเมื่อใช้งานเกิน 3 ปี โดยสิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือการถนอมแบตเตอรี่ด้วยการชาร์จและใช้งานอย่างถูกวิธี แต่ไม่ถึงกับต้องวิตกกังวลมากเกินไป เพราะเราอาจจะได้เปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ก่อนที่แบตเตอรี่จะเสื่อมก็ได้

Cr. https://mobile.kapook.com/view6818.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

วิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟน

วิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟน

แนะนำวิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟน ที่จะช่วยให้แบตเตอรี่หมดช้าลง สามารถใช้งานไอโฟนได้ยาวนานมากขึ้น

          หนึ่งในปัญหาที่ผู้ใช้ไอโฟนมักจะต้องประสบกันบ่อย ๆ ก็คือ แบตเตอรี่หมดไว โดยเฉพาะผู้ใช้ไอโฟนรุ่นเก่า ๆ ที่แบตเตอรี่ยังไม่อึดเท่ารุ่นใหม่ ๆ ซึ่งนอกจากการพก Power Bank ติดตัวแล้ว การใช้วิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟนที่เรากำลังจะแนะนำดังต่อไปนี้ก็สามารถช่วยยืดเวลาให้สามารถใช้ไอโฟนได้นานขึ้นได้เช่นกัน

วิธีประหยัดแบตเตอรี่ไอโฟน
 

1. อัปเดต iOS เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

          ในบางกรณีระบบปฏิบัติการ iOS ของไอโฟนนั้นอาจพบบั๊กหรือปัญหาบางอย่างที่ทำให้มีการกินพลังงานแบตเตอรี่มากกว่าปกติ ซึ่งการอัปเดตเป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่ได้รับการแก้ไขแล้วก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ นอกจากนี้ก็อาจมีการปรับปรุงระบบให้มีการจัดการพลังงานที่ดีขึ้นและประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้นอีกด้วย

2. ปรับแสงหน้าจอให้เหมาะสม

          การปรับแสงหน้าจอให้สว่างมาก ๆ ก็ส่งผลให้เปลืองพลังงานแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงควรปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสม หรืออาจปรับลดให้ต่ำกว่าปกติในการณีที่ต้องการประหยัดแบตเตอรี่ นอกจากนี้แนะนำให้เปิดใช้งานฟีเจอร์ปรับความสว่างอัตโนมัติไว้ด้วย โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าเปิดได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Accessibility (การช่วยการเข้าถึง) > Display & Text Size (จอภาพและขนาดข้อความ) แล้วเลือกเปิด Auto-Brightness (ปรับความสว่างอัตโนมัติ)

3. ใช้อินเทอร์เน็ต Wi-Fi

          การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ Wi-Fi นั้นจะใช้พลังงานน้อยกว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือแบบ Cellular เพราะฉะนั้นถ้าหากอยู่ในบ้านหรือสถานที่ที่มี Wi-Fi ให้ใช้งานได้ การเลือกใช้ Wi-Fi ก็จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้มากกว่า

4. เปิดใช้โหมดประหยัดพลังงาน

          โหมดประหยัดพลังงาน (Low Power Mode) จะลดปริมาณพลังงานที่ไอโฟนใช้เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ โดยจะจำกัดการทำงานให้เลือกแต่ฟีเจอร์ที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนไอโฟนรุ่นที่มีเทคโนโลยีจอภาพ ProMotion เมื่อเปิดโหมดประหยัดพลังงานจะจำกัดอัตรารีเฟรชจอภาพให้เหลือเพียง 60fps ทั้งนี้ ไอโฟนอาจทำงานบางอย่างช้าลงเมื่ออยู่ในโหมดประหยัดพลังงาน โดยสามารถเข้าไปเปิดโหมดประหยัดพลังงานได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Battery (แบตเตอรี่)

5. ปรับแต่งการใช้แบตเตอรี่ของแอปฯ ต่าง ๆ

          หากเข้าไปที่หน้า Settings (การตั้งค่า) > Battery (แบตเตอรี่) จะสามารถเช็กดูได้ว่าแต่ละแอปฯ นั้นมีรูปแบบการทำงานที่กินพลังงานแบตเตอรี่อย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้ปรับจำกัดการทำงานของแอปฯ นั้น ๆ โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

          – แอปฯ ที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง ให้เข้าไปปิดที่ Settings (การตั้งค่า) > General (ทั่วไป > Background App Refresh (ดึงข้อมูลแอปฯ จากเบื้องหลัง)
          – แอปฯ เมลที่มีการทำงานแบบเบื้องหลัง เข้าไปเลือกปรับการรีเฟรชอีเมลได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Accounts & Passwords (บัญชีและรหัสผ่าน) > Fetch New Data (ดึงข้อมูลใหม่)
          – แอปฯ ที่มีการทำงานเกี่ยวกับการแชร์ตำแหน่ง สามารถเข้าไปปิดได้ที่ Settings (การตั้งค่า) > Privacy (ความเป็นส่วนตัว) > Location Services (บริการหาตำแหน่งที่ตั้ง)
          – แอปฯ ที่มีการเปิดหน้าจอโฮมหรือหน้าจอล็อกอัตโนมัติเมื่อมีการแสดงแจ้งเตือน สามารถเข้าไปปิดการแจ้งเตือนของแอปฯ ที่ Settings (การตั้งค่า) > Notifications (การแจ้งเตือน)

6. เปิดโหมดเครื่องบิน

          หากอยู่ในบริเวณที่อับสัญญาณหรือสัญญาณไม่ค่อยดี ไอโฟนจะพยายามค้นหาสัญญาณที่ดีกว่า ซึ่งกินพลังงานแบตเตอรี่ โดยสามารถทำให้ไอโฟนหยุดการค้นหาสัญญาณได้ด้วยการเปิดโหมดเครื่องบิน (Airplane mode) แต่ในระหว่างที่เปิดโหมดนี้จะไม่สามารถโทร. ออกหรือรับสายได้

         ทั้งหมดนี้ก็คือวิธีต่าง ๆ ที่ถ้าหากทำแล้วจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ของไอโฟนได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปปรับใช้กับโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่น ๆ ได้เช่นกัน

เครดิต https://mobile.kapook.com/view7641.html

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com

Categories
Uncategorized

ลูกติดโทรศัพท์มือถือแก้อย่างไรดี พร้อมวิธีรับมืออย่างสร้างสรรค์

ลูกติดโทรศัพท์มือถือแก้อย่างไรดี

เมื่อลูกก้าวสู่ช่วงอายุ 7 – 12 ปี คุณพ่อคุณแม่จะได้เห็นพัฒนาการที่สำคัญในทุก ๆ ด้าน ทางร่างกาย พวกเขาจะมีการขยายสัดส่วนที่รวดเร็ว ทั้งความสูง น้ำหนักตัว ความแข็งแรงของกระดูกและกล้ามเนื้อ เด็ก ๆ วัยนี้ควรได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างการออกกำลังและรวมกลุ่มกับเพื่อนวัยเดียวกัน เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะเข้าสังคม ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ง่ายมากขึ้น

แต่ในปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีรายล้อมรอบตัว หลายบ้านอาจเผลอปล่อยให้ลูกอยู่กับจอมือถือหรือเครื่องเล่นเกมเป็นเวลานาน ทำให้มีอาการก้าวร้าวจากการติดโทรศัพท์ พ่วงด้วยปัญหาการควบคุมอารมณ์ สมาธิสั้น และสุขภาพที่ไม่แข็งแรงตามมา

ป้องกันเด็กติดโทรศัพท์มือถือ

 

เช็กอาการ ลูกเราติดโทรศัพท์มือถือหรือไม่ ?

 

✓ ใช้เวลากับหน้าจอนานเกินไป ซึ่งโดยปกติไม่ควรเกิน 16 ชม./สัปดาห์

✓ ก้าวร้าว ชอบทำเสียงดังโวยวาย

✓ สมาธิสั้น จดจ่อกับอะไรไม่ได้นาน

✓ แยกตัวจากสังคม ไม่ยอมออกไปเล่นกับเพื่อน

 

พ่อแม่ควรสังเกต “ลูกติดโทรศัพท์มือถือ” กับ 5 ผลเสียระยะยาว

 

การเล่นมือถือหรือเกมออนไลน์เป็นกิจกรรมช่วยผ่อนคลายความเครียดและสร้างความสนุกให้กับเด็ก ๆ แต่หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่ชัด ปล่อยให้ลูกเพลิดเพลินกับแสงสีฟ้าในท่านั่งเดิมไปเรื่อย ๆ ไม่ขยับไปไหน ก็อาจมีผลเสียต่อพัฒนาการที่ไม่สมวัยของพวกเขาได้

ลูกติดโทรศัพท์มือถือสงผลเสียต่อสุขภาพ

 

1. ลูกเริ่มปวดศีรษะ ตา และต้นคอ ที่เกิดจากการเพ่งและนั่งผิดท่า หรือรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อมือจากการกดมือถือท่าเดิม ๆ ซ้ำ ๆ

2. ลูกติดโทรศัพท์ มีอาการก้าวร้าว พูดไม่เพราะ มีอารมณ์ที่รุนแรงกว่าเด็กทั่วไป อ่านวิธีแก้ไขลูกก้าวร้าวเพิ่มเติมได้ที่ วิธีแก้ไขพฤติกรรมก้าวร้าว

3. เข้ากับเพื่อนได้ยาก เพราะไม่ได้ลองแลกเปลี่ยน หรือสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น

4. เลิกสนใจกิจกรรมที่เคยชอบทำ เรียนรู้ได้น้อยลง

5. เสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนในเด็ก เพราะเคลื่อนไหวน้อยและกินขนมระหว่างที่เล่น

 

ปรับพฤติกรรมลูกอย่างสร้างสรรค์ คุณแม่ช่วยได้

 

การปรับพฤติกรรมลูกที่เริ่มมีการติดโทรศัพท์ไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องห้ามเล่น แต่ใช้วิธีการสร้างวินัยให้กับลูก เช่น ทำการบ้านให้เสร็จก่อน อาบน้ำ ทานข้าวให้เรียบร้อย การจำกัดชั่วโมงในการเล่นหรือชวนลูกออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เล่นกีฬา ออกกำลังกายสำหรับเด็กโดยเฉพาะ รวมไปถึงคุณแม่ก็สามารถเข้าร่วมเล่นมือถือกับลูกได้ เช่น เล่นเกมหรือดูรายการในยูทูปไปด้วยกัน เพราะการเล่นมือถือถ้าใช้ให้ถูกวิธีก็สามารถสร้างประโยชน์ได้ และคุณแม่เองก็จะสามารถช่วยให้คำแนะนำกับสิ่งที่ลูกเล่นหรือดูได้อย่างถูกต้อง มาดู 5 วิธีแก้ไขอย่างสร้างสรรค์เพื่อไม่ให้การเล่นมือถือของลูกเกิดผลเสียตามภาพได้เลยค่ะ

วิธีแก้เด็กติดโทรศัพท์มือถือ

 

1. กำหนดเวลาเล่นให้ชัดเจน โดยไม่ควรเล่นโทรศัพท์เกิน 2 ชั่วโมงต่อครั้ง

2. ฝึกให้ลูกรู้จักอดทนและเลี่ยงสื่อที่รุนแรงในมือถือ

3. ให้ลูกออกไปทำกิจกรรมรวมกลุ่มกับเพื่อนมากขึ้น เช่น เข้าชมรมศิลปะ เรียนพิเศษ เรียนดนตรี

4. พาลูกออกไปทำกิจกรรมครอบครัวด้วยกัน

5. ชวนทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เล่นกีฬา ฝึกทำอาหารและฝึกกินอาหารที่มีประโยชน์

นอกจากนี้ การหากิจกรรมให้ลูกทำที่บ้าน และการมอบความรักและเอาใจใส่จากคุณพ่อคุณแม่เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ช่วยลดนิสัยก้าวร้าวจากการติดโทรศัพท์ลงได้ ซึ่งสิ่งนี้ผู้ปกครองควรค่อย ๆ แก้ไขแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่หากยังไม่ดีขึ้นก็สามารถขอคำแนะนำจากผู้แพทย์เชี่ยวชาญได้เช่นกัน

Cr. https://www.milo.co.th/all-blog/วิธีรับมือเด็กติดโทรศัพท์มือถือ

สมัครแพ็กเสริม ให้สนุกได้ www.pronetdonjai.com